ความน่าเชื่อถือของชุดตรวจโควิด-19 แบบรวดเร็วในช่วงต้นของการติดเชื้อ

บทความโดย อุดม ลิขิตวรรณวุฒิ

ไวรัสผันแปรโอมะครอน (Omicron variant) ที่แพร่ระบาดได้อย่างรวดเร็วทำให้การตรวจการติดเชื้อที่แม่นยำและสะดวกในการใช้สำหรับคนทั่วไปมีความสำคัญมาก ชุดตรวจโควิด-19 แบบรวดเร็วและสามารถใช้ได้เองที่บ้าน (at-home rapid antigent tests) จึงเป็นที่นิยมใช้กันมากขึ้น

การวิจัยโครงการหนึ่งที่เพิ่งเผยแพร่ผลการวิจัยแบบ preprint ที่ยังไม่ผ่านการทบทวนโดยผู้เชี่ยวชาญของวงการ (หรือ peer review) แสดงว่าชุดตรวจโควิด-19 แบบรวดเร็วอาจไม่สามารถตรวจพบการติดเชื้อในระยะต้นๆของการติดเชื้อก่อนที่จะเกิดการแพร่เชื้อให้ผู้อื่นต่อไปได้ การวิจัยดังกล่าวเป็นการวิจัยคนจำนวน 30 คนจากสถานที่ทำงาน 5 แห่งในพื้นที่ที่มีการระบาดของไวรัสผันแปรโอมะครอนมาก สถานที่ทำงานทั้งห้ามีนโยบายให้คนทำงานต้องตรวจการติดเชื้อไวรัสโคโรนาทุกวันทั้งการตรวจด้วยชุดตรวจโควิด-19 แบบรวดเร็วที่ตรวจจากตัวอย่างที่มาจากการป้ายโพรงจมูก และการตรวจพีซีอาร์ (PCR) เพื่อตรวจหาสารพันธุกรรมของไวรัส (polymerase chain reaction) ที่ตรวจจากตัวอย่างที่ป้ายจากน้ำลาย ซึ่งเป็นการตรวจที่เชื่อกันว่ามีความเที่ยงตรงและไวัวางใจได้มากกว่าการตรวจแบบรู้ผลเร็ว[1]

ผลการวิจัยแสดงว่าการตรวจแบบรู้ผลเร็วจะใช้เวลาโดยเฉลี่ย 3 วันจึงจะแสดงผลว่ามีการติดเชื้อ การตรวจด้วยชุดตรวจแบบรู้ผลเร็วในวันที่ 0 และวันที่ 1 หลังการตรวจด้วยชุดตรวจพีซีอาร์ (PCR) เป็นผลลบปลอมทั้งหมด ถึงแม้ว่า 28 รายจาก 30 รายมีปริมาณท่ีวัดได้ด้วยการตรวจแบบพีซีอาร์ที่สูงมากพอที่จะทำให้คนอื่นติดเชื้อได้ก็ตาม และนักวิจัยสามารถยืนยันได้ว่าผู้ที่ติดเชื้อ 4 รายได้แพร่เชื้อให้แก่คนอื่นในช่วงเวลาก่อนที่ผลการตรวจแบบรู้ผลเร็วจะเป็นบวก ซึ่งแสดงว่าชุดตรวจแบบรู้ผลเร็วไม่สามารถตรวจการติดเชื้อเจอในช่วงสองวันแรกของการติดเชื้อ

การวิจัยดังกล่าวดำเนินการวิจัยโดยสมาชิกหลายคนของคณะทำงานด้านสังคมและกีฬาในช่วงโควิด19 (COVID-19 Sports and Society Working Group)

ดร. บลายธ์ อดัมสัน (Dr. Blyth Adamson) นักระบาดวิทยาและผู้เขียนหลักของการวิจัยนี้จาก Infectious Economics ที่เป็นองค์กรเกี่ยวกับโรคระบาด นโยบายสาธารณสุข และเศรษฐกิจ กล่าวกับผู้สื่อข่าวของ STAT ว่าทุกครั้งที่มีไวรัสผันแปรใหม่โผล่ขึ้นมานักวิทยาศาสตร์จะต้องตั้งคำถามว่าสิ่งต่างๆที่เคยเป็นจริงมาก่อนยังเป็นเช่นนั้นหรือไม่ และไวรัสผันแปรโอมะครอนก็เช่นเดียวกัน มันมีวิธีการแพร่กระจายที่ต่างไป ก่อทำให้เกิดอาการที่ต่างไป และมีโอกาสในการแพร่เชื้อที่ต่างกัน

ดรอดัมสัน คิดว่ามีความเป็นไปได้ที่จะมีกรณีของการแพร่เชื้อมากกว่าสี่รายที่นักวิจัยสามารถยืนยันได้ ทีมวิจัยระบุการแพร่เชื้อสี่รายเพราะเป็นกรณีที่ทีมวิจัยสามารถยืนยันได้จากการสืบสวนทางระบาดวิทยาและจากการติดตามผู้สัมผัสเชื้อ (contact tracing)

การวิจัยรวมชุดตรวจโควิด-19 แบบรวดเร็วที่มีชื่อทางการค้าว่า BinaxNOW ที่ผลิตโดยบริษัท Abbott และ QuickVue ที่ผลิตโดยบริษัท Quidel ซึ่งทั้งสองเป็นชุดตรวจรู้ผลเร็วที่ได้รับอนุมัติโดยองค์การอาหารและยา (Food and Drug Administration หรือ FDA) ของสหรัฐอเมริกาแล้ว

ถึงแม้ว่าการวิจัยนี้จะเป็นการวิจัยขนาดเล็ก แต่ผลที่ได้นั้นสม่ำเสมอที่น่าสนใจเพราะไม่มีการตรวจโควิด-19 ที่รู้ผลเร็วใดเลยที่สามารถตรวจพบไวรัสได้จนกระทั่งสองวันหลังจากการตรวจพบเชื้อโดยการตรวจแบบพีซีอาร์ และผลของการวิจัยที่แสดงว่าผู้ที่มีผลตรวจเป็นลบปลอมนั้นแพร่เชื้อให้แก่ผู้อื่นต่อไปจึงเป็นเรื่องที่น่ากังวลมาก

ผลของการวิจัยนี้สอดคล้องกับผลของการวิจัยโครงการอื่นๆที่แสดงว่าชุดตรวจโควิด-19 แบบรวดเร็วที่ใช้ได้เองที่บ้านที่ใช้กันมากในสหรัฐอเมริกาอาจไม่สามารถตรวจพบการติดเชื้อไวรัสผันแปรโอมะครอนได้ในช่วงสองสามวันแรกหลังการติดเชื้อโดยเฉพาะอย่างยิ่งชุดตรวจที่ใช้ตัวอย่างของการป้ายโพรงจมูก

ถึงแม้จะเป็นที่รู้กันว่าการตรวจแบบพีซีอาร์มีความไวกว่าชุดตรวจโควิด-19 แบบรู้ผลเร็ว แต่ในทางปฏิบัติผู้ที่ต้องการตรวจการติดเชื้อแบบพีซีอาร์ต้องเสียเวลารอพบผู้ตรวจและต้องรอผลการตรวจอีกหลายวัน ทำให้การตรวจแบบพีซีอาร์อาจเป็นเครื่องมือที่ไม่เหมาะกับความต้องการของผู้กำหนดนโยบายที่ต้องการให้คนทำงานและเศรษฐกิจสามารถทำงานต่อไปได้

ข้อมูลจากการวิจัยยังแสดงว่าปริมาณไวรัสในน้ำลายขึ้นสูงสุดหนึ่งหรือสองวันก่อนที่ปริมาณไวรัสที่ตรวจจากการป้าย (หรือ swap) โพรงจมูกจะขึ้นถึงระดับสูงสุดซึ่งเป็นการเพิ่มหลักฐานว่าตัวอย่างที่ป้ายจากปากหรือลำคอจะตรวจพบไวรัสโคโรนาได้ดีกว่าตัวอย่างที่ป้ายจากโพรงจมูกที่การตรวจแบบพีซีอาร์และชุดตรวจแบบรู้ผลเร็วหลายอย่างใช้กัน

ศาสตราจารย์ นพ. จอห์น มัวร์ (Prof. John Moore) นักจุลชีววิทยาและภูมิคุ้มกันวิทยาจากมหาวิทยาลัยแพทย์วัยล์คอร์เนล (Weill Cornell Medicine) กล่าวว่าเรื่องสำคัญที่เราไม่รู้แน่คือชุดตรวจโควิด-19 แบบรวดเร็วโดยเนื้อแท้แล้วไม่สามารถตรวจพบไวรัสผันแปรโอมะครอนได้ดีนัก? หรือในโพรงจมูกมีไวรัสผันแปรโอมะครอนให้ตรวจพบไม่มากนักกันแน่?

ศ. มัวร์ ต้ังข้อสังเกตว่าการวิจัยจากประเทศอาฟริกาใต้แสดงว่าในน้ำลายมีไวรัสโคโรนามากกว่าในโพรงจมูก ซึ่งนำไปสู่คำถามว่าไวรัสผันแปรโอมะครอนขยายตัวเพิ่มขึ้นในปากและลำคอและสะสมอยู่ในน้ำลายได้ดีกว่าในจมูกหรือไม่ และเตือนว่าโดยทั่วไปไวรัสผันแปรโอมะครอนไม่นำไปสู่การสูญเสียความรู้สึกเกี่ยวกับกลิ่นซึ่งเกิดขึ้นได้เพราะไวรัสทำให้เนื้อเยื่อในช่องจมูกและเส้นประสาทในเนื้อเยื่อเสียหาย อาการนี้อาจเป็นตัวชี้วัดว่าไวรัสไม่เพิ่มตัวมากในโพรงจมูกก็เป็นได้

นักวิทยาศาสตร์หลายคนเตือนว่าอย่างไรก็ตามชุดตรวจโควิด-19 แบบรวดเร็วก็ยังมีประโยชน์อยู่ จากกรณี 30 คนนั้นชุดตรวจแบบรวดเร็วก็ยังตรวจพบไวรัสในทุกคนได้อยู่เพียงแต่ว่ามันตรวจเจอช้ากว่าการตรวจแบบพีซีอาร์

นักวิทยาศาสตร์เตือนว่าการคาดหวังว่าชุดตรวจโควิด-19 แบบรวดเร็วจะสามารถตรวจการติดเชื้อได้ถูกต้องทุกกรณีนั้นเป็นสิ่งที่ไม่มีเหตุผล นักวิทยาศาสตร์จำนวนมากคิดว่าชุดตรวจโควิด-19 แบบรวดเร็วยังเป็นเรื่องที่จำเป็นอยู่เพราะความไม่สะดวกของการตรวจพีซีอาร์และระยะเวลาสอง-สามวันที่ต้องรอผลการตรวจพีซีอาร์ ชุดตรวจโควิด-19 แบบรวดเร็วจะเป็นสิ่งสำคัญในการระบุคนที่ควรได้รับยาที่ต้องให้อย่างรวดเร็วหลังการติดเชื้อ เช่นยาแพ็กซ์โลวิด (Paxlovid) ของบริษัทไฟเซอร์ หรือยาโมลนูพิราเวียร์ (Molnupiravir) ของบริษัทเมอร์ค ซึ่งยาทั้งสองจะช่วยป้องกันไม่ให้ผู้ติดเชื้อป่วยหนักจนต้องเข้าโรงพยาบาลหากได้รับยาโดยเร็วหลังการติดเชื้อ แต่ผู้เชี่ยวชาญจำนวนมากกังวลว่าหากชุดตรวจโควิด-19 แบบรวดเร็วไม่มีความน่าเชื่อถือจริงๆแล้วมันอาจมีผลต่อประโยชน์ของมันในบางสถานการณ์เช่นการตรวจคนก่อนเข้าร่วมกิจกรรมต่างๆที่คนจำนวนมากมาชุมนุมกันหรือเพื่อความปลอดภัยของสถานที่ทำงานเป็นต้น[2]

หลักฐานที่บ่งบอกว่าไวรัสผันแปรโอมะครอนมีไม่มากในโพรงจมูกและมีมากในลำคอนั้นมีเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆซึ่งอาจเป็นเหตุผลหนึ่งที่ทำให้การป้ายเชื้อจากโพรงจมูกที่ชุดตรวจโควิด-19 แบบรวดเร็วใช้กันมักจะไม่เจอเชื้อ นักวิทยาศาสตร์จำนวนหนึ่งจึงมีความกังวลว่าการตรวจที่ใช้การป้ายโพรงจมูกพลาดการติดเชื้อในช่วงต้นๆไปเป็นจำนวนไม่น้อย โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อคำนึงถึงข้อมูลที่บอกว่าผู้ที่ติดเชื้อสามารถแพร่เชื้อต่อไปได้ตั้งแต่สามวันก่อนมีอาการไปจนถึงสองวันหลังจากมีอาการโควิด-19

นักวิจัยของการวิจัยที่กล่าวมาเชื่อว่าผลการตรวจที่เป็นลบปลอมนั้นไม่เกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงทางพันธุกรรมในโปรตีนของไวรัส เพราะหากเป็นเช่นนั้นจริงการเปลี่ยนแปลงทางพันธุกรรมเช่นนั้นควรจะมีผลกระทบต่อชุดตรวจโควิด-19 แบบรวดเร็วแต่ละชนิดแตกต่างกัน และนักวิจัยเชื่อว่าความแตกต่างที่พบเป็นเพราะไวรัสมีพฤติกรรมที่แตกต่างไปภายในร่างกายมากกว่า ความเป็นไปได้อย่างหนึ่งคือไวรัสผันแปรโอมะครอนขยายจำนวนในลำคอได้เร็วกว่าหรือเร่ิมก่อนการขยายตัวภายในโพรงจมูกก็เป็นได้

องค์การอาหารและยาของสหรัฐอเมริกาจะอนุมัติให้ใช้ชุดตรวจโควิด-19 แบบรวดเร็วได้หากว่าชุดตรวจดังกล่าวมีความไว (sensitivity) อย่างน้อย 80% (ซึ่งหมายความว่าชุดตรวจมีผลลบปลอมได้ 20%) และมีความจำเพาะ (specificity) อย่างน้อย 98% (ชุดตรวจมีผลบวกปลอมได้ 2%) ซึ่งแสดงว่าผลบวกปลอมเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นได้ยากมาก และโดยรวมแล้วองค์การอาหารและยาคาดว่าจะพบผลลบปลอมบ้าง นอกจากนั้นแล้วเอกสารประกอบของชุดตรวจโควิด-19 แบบรวดเร็วแนะนำให้ผู้ใช้ตรวจด้วยชุดตรวจแบบรวดเร็วอย่างน้อย 2 ครั้งห่างกัน 24 ถึง 36 ชั่วโมง และหากว่ามีความสงสัยผู้ใช้ควรตรวจซ้ำด้วยการตรวจแบบพีซีอาร์

ชุดตรวจโควิด-19 แบบรวดเร็วส่วนมากที่มีใช้กันในสหรัฐอเมริกาจะมีความไวอยู่ในช่วงที่องค์การอาหารและยาระบุคือประมาณ 80% เช่น ชุดตรวจโควิด-19 แบบรวดเร็ว BinaxNOW มีความไวที่ 84.6% และความจำเพาะที่ 98.5%[3]

เจ้าหน้าที่ขององค์การอาหารและยาอธิบายแก่ผู้สื่อข่าวของ STAT ว่าหากผลของการตรวจด้วยชุดตรวจแบบรวดเร็วเป็นบวก ความเป็นไปได้ว่าผู้ตรวจเป็นโควิด-19 จริงจะสูงมาก หากว่าผลเป็นลบผลดังกล่าวเป็นเพียงการสันนิษฐาน ซึ่งหมายความว่าหากผู้ใช้ได้สัมผัสกับเชื้อแล้วหรือมีอาการป่วยและผลการตรวจด้วยชุดตรวจโควิด-19 แบบรวดเร็วเป็นลบ เขาควรจะต้องตรวจยืนยันด้วยการตรวจแบบพีซีอาร์อีกด้วย

เจ้าหน้าที่ขององค์การอาหารและยาย้ำว่าชุดตรวจแบบรวดเร็วไม่ใช่การตรวจเกี่ยวกับการแพร่เชื้อ (หรือการติดต่อกันได้) เพราะถึงแม้ว่าผลของการตรวจเป็นลบแต่ก็ยังมีความเป็นไปได้ที่จะแพร่เชื้อต่อไปได้อยู่

องค์การอาหารและยาของสหรัฐอเมริกาประกาศเมื่อวันที่ 28 ธันวาคม 2564 ว่าจากผลเบื้องต้นที่ทดลองกับเชื้อไวรัสที่ยังเป็นอยู่ที่เก็บจากผู้ป่วยแสดงว่าความไวของการตรวจการติดเชื้อเมื่อใช้กับไวรัสผันแปรโอมะครอนอาจลดลงไปบ้าง (ดูรายละเอียดการวิจัยได้จาก The New York Times หมายเหตุ 1)

ผลเบื้องต้นของการวิจัยอีกโครงการหนึ่งจากสถาบันสุขภาพแห่งชาติสหรัฐอเมริกา (National Institutes of Health) แสดงว่าจากตัวอย่างที่เก็บจากผู้ป่วยด้วยไวรัสผันแปรโอมะครอนจำนวนไม่มากนักแสดงว่าปริมาณของโปรตีนที่สามารถตรวจพบได้ด้วยชุดตรวจโควิด-19 แบบรวดเร็วมีน้อยกว่าปริมาณของสารพันธุกรรมของไวรัสที่การตรวจแบบพีซีอาร์สามารถตรวจพบได้ แต่เทคนิคที่ใช้ในการประเมินนี้มีข้อจำกัดหลายอย่างและโปรตีนที่อาจถูกตรวจได้อาจผูกติดรวมกันอยู่ที่ทำให้ไม่สามารถตรวจพบได้

ผลของการวิจัยจากประเทศอาฟริกาใต้แสดงว่าสำหรับไวรัสผันแปรโอมะครอนนั้นการตรวจพีซีอาร์จากการป้ายนำ้ลายเป็นวิธีการที่ดีกว่าการตรวจจากตัวอย่างที่ป้ายจากโพรงจมูก ซึ่งอาจเป็นทางออกหนึ่งสำหรับการตรวจด้วยชุดตรวจโควิด-19 แบบรวดเร็วที่จะช่วยทำให้ตรวจพบการติดเชื้อในช่วงแรกๆก็ได้

แต่ชุดตรวจโควิด-19 แบบรวดเร็วที่ได้รับอนุมัติโดยองค์การอาหารและยาของสหรัฐอเมริกาได้รับอนุมัติสำหรับการตรวจจากตัวอย่างที่ป้ายจากโพรงจมูกเท่านั้น

ถึงแม้ว่าชุดตรวจโควิด-19 แบบรวดเร็วจะมีจุดอ่อนเมื่อใช้กับไวรัสผันแปรโอมะครอนก็ตาม แต่ชุดตรวจแบบรวดเร็วก็ยังมีความสำคัญอยู่ในสถานการณ์ปัจจุบัน ข้อมูลจากการวิจัยเหล่านี้ไม่ใช่เพื่อให้คนหยุดใช้ชุดตรวจโควิด-19 แบบรวดเร็ว แต่เป็นการเตือนให้คนใช้ตีความผลการตรวจที่เป็นลบอย่างรอบคอบโดยเฉพาะเมื่อมีอาการป่วยหรือเมื่อมีการสัมผัสกับเชื้อมาก่อน

การที่ไวรัสผันแปรโอมะครอนแพร่ได้ไวมากกว่าไวรัสผันแปรอื่นๆทำให้โอกาสที่จะตรวจพบการติดเชื้อก่อนที่จะเกิดการแพร่ระบาดต่อไปนั้นสั้นมาก จึงเป็นเรื่องสำคัญมากที่คนที่ได้สัมผัสกับเชื้อไปแล้วต้องตรวจการติดเชื้อโดยเร็วขึ้นหรือบ่อยขึ้น หรือในกรณีที่จะมีการชุมนุมพบปะกันเป็นจำนวนมากคนที่มีแผนที่จะไปร่วมกิจกรรมจะต้องตรวจการติดเชื้อที่ใกล้ที่สุดกับวันที่จะพบกัน ซึ่งในทางปฏิบัติหรือในบางกรณีที่การเข้าถึงการตรวจมีอุปสรรคอยู่อาจเป็นสิ่งที่ยากพอสมควร

 

_________________________

[1] จาก Study raises doubts about rapid Covid tests’ reliability in early days after infection โดย Matthew Herper เมื่อ 5 มกราคม 2565 ใน https://www.statnews.com/2022/01/05/study-raises-doubts-about-rapid-covid-tests-reliability-in-early-days-after-infection/ และ Emerging Data Raise Questions About Antigen Tests and Nasal Swabs โดย Emily Anthes และ Christina Jewett เมื่อ 5 มกราคม 2565 ใน https://www.nytimes.com/2022/01/05/health/covid-rapid-test-omicron-detection.html

[2] จาก Scientists try to pinpoint why rapid Covid tests are missing some cases โดย Matthew Herper เมื่อ 6 มกราคม 2565 ใน https://www.statnews.com/2022/01/06/scientists-try-to-pinpoint-why-rapid-covid-tests-are-missing-cases/

[3] จาก Containing Covid-19 requires rapid tests that are highly sensitive to infections. Why is the FDA asking for something different? โดย Elliott J. Millenson เมื่อ 6 มกราคม 2565 ใน https://www.statnews.com/2022/01/06/make-home-covid-19-tests-highly-sensitive-to-infection/

 

NEWS & EVENTS

FEATURES

Privacy Overview

This website uses cookies so that we can provide you with the best user experience possible. Cookie information is stored in your browser and performs functions such as recognising you when you return to our website and helping our team to understand which sections of the website you find most interesting and useful.