บทความโดย อุดม ลิขิตวรรณวุฒิ

การระบาดของโรคฝีดาษลิง (monkeypox) ที่รายงานเกี่ยวกับผู้ป่วยที่อยู่นอกทวีปอาฟริกามีเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ ในช่วงสองเดือนเศษๆ สร้างความกังวลให้แก่ประเทศต่างๆ ทั่วโลก  ทำให้องค์การอนามัยโลกตัดสินใจว่าโรคฝีดาษลิงเป็นภาวะวิกฤตด้านสุขภาพของโลกเมื่อวันเสาร์ที่ 23 กรกฎาคมที่ผ่านมา และล่าสุดรัฐนิวยอร์ค รัฐอิลลินอยส์ และรัฐคาลิฟอร์เนีย ของสหรัฐอเมริกาประกาศว่าการระบาดของฝีดาษลิงเป็นภาวะฉุกเฉินของรัฐ[1]

นสพ. The New York Times ของวันที่ 29 กรกฎาคม 2565 มีเรื่องเกี่ยวกับคำถามเร่งด่วนสามประการเกี่ยวกับฝีดาษลิง ซึ่งเกริ่นว่านักวิทยาศาสตร์กล่าวว่าการควบคุมการระบาดขึ้นอยู่กับความเข้าใจที่ดีขึ้นเกี่ยวกับการแพร่เชื้อและเครื่องมือที่มีอยู่ในปัจจุบันว่าทำงานได้ดีเพียงใด[2]

ในข่าวกล่าวว่าจากโรคที่ครั้งหนึ่งเคยถูกถือว่าเป็นโรคที่คนไม่ค่อยรู้จักกันมากนักและเป็นโรคที่พบในทวีปอาฟริกาเท่าน้ันได้ระบาดไปทั่วกลายเป็นภัยคุกคามระดับโลกมีผู้ติดเชื้อแล้วมากกว่า 20,000 คนจาก 75 ประเทศ และสำหรับสหรัฐอเมริกาเองที่มีผู้ป่วยประมาณ  5,000  คน  และผู้เชี่ยวชาญจำนวนหนึ่งเตือนว่าโอกาสในการที่จะควบคุมการระบาดกำลังหลุดไปแต่เจ้าหน้าที่สาธารณสุขของรัฐบาลกลางก็ไม่ได้เร่งดำเนินการแต่อย่างใด[3]

เหตุผลหนึ่งที่พอจะอธิบายได้เกี่ยวกับการตอบสนองของรัฐบาลกลางต่อเรื่องนี้คือไวรัสฝีดาษลิงต่างจากไวรัสโคโรนาเพราะไวรัสฝีดาษลิงเป็นไวรัสที่รู้จักกันมาก่อนแล้ว แพทย์เข้าใจว่ามันแพร่กระจายอย่างไร และมีเครื่องมือสำหรับวินิจฉัยโรค มีวัคซีนและมียารักษาแล้ว

แต่สำหรับนักวิทยาศาสตร์แล้ว การวิจัยที่มีพอกพูนมากขึ้นเรื่อยๆ ให้ภาพที่ซับซ้อนและท้าทายยิ่งขึ้น ไวรัสฝีดาษลิงยังคงเป็นเรื่องปริศนาในบางแง่มุมที่สำคัญมากอยู่ ไวรัสฝีดาษลิงที่กำลังระบาดในขณะนี้ไม่มีพฤติกรรมในลักษณะที่นักวิจัยพบระหว่างการระบาดเป็นครั้งเป็นคราวในประเทศต่างๆ ในอาฟริกา

นักวิทยาศาสตร์กำลังเร่งหาคำตอบสำหรับคำถามสามข้อโดยเฉพาะอย่างยิ่งเพื่อที่จะกำหนดว่าจะสามารถหยุดยั้งฝีดาษลิงได้เร็วแค่ไหน – หากว่าเราสามารถหยุดยั้งมันได้

ไวรัสแพร่กระจายได้อย่างไร?

ในช่วงเริ่มต้นของการระบาดเจ้าหน้าที่สาธารณสุขยืนยันว่าไวรัสแพร่กระจายผ่านละอองทางเดินหายใจที่ปล่อยออกมาเมื่อผู้ติดเชื้อไอหรือจาม   และโดยการสัมผัสอย่างใกล้ชิดกับแผลมีหนองตามตัว หรือผ้าปูที่นอนและวัสดุปนเปื้อนอื่นๆ ซึ่งทั้งหมดนี้เป็นความจริงแต่อาจไม่ใช่ภาพรวมทั้งหมด

จากรายงานของศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคของสหรัฐอเมริกา ผู้ติดเชื้อมากกว่า 99 เปอร์เซ็นต์เป็นผู้ชายที่ได้รับเชื้อไวรัสจากการสัมผัสอย่างสนิทสนมในทางเพศกับผู้ชายคนอื่นๆ มีผู้หญิงเพียง 13 คนและเด็กเล็ก 2 คนเท่านั้นที่ได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นโรคฝีดาษลิงในวันที่ 25 กรกฎาคม 2565

นอกจากนั้นแล้วนักวิจัยตรวจพบไวรัสในน้ำลาย ปัสสาวะ อุจจาระ และน้ำอสุจิ แต่ไม่ชัดเจนว่าสารคัดหลั่งเหล่านี้สามารถแพร่เชื้อได้หรือไม่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งว่าไวรัสสามารถติดต่อได้ระหว่างการมีเพศสัมพันธ์ด้วยหรือไม่นอกเหนือจากการสัมผัสทางผิวหนังอย่างใกล้ชิด แต่เท่าที่เป็นมารูปแบบการแพร่กระจายในเครือข่ายทางเพศทำให้นักวิจัยข้องใจเกี่ยวกับเรื่องนี้

อย่างไรก็ตามเป็นที่ชัดเจนว่าฝีดาษลิงไม่แพร่กระจายได้ง่ายและยังไม่แพร่กระจายไปยังประชากรที่เหลือโดยเฉลี่ยแล้วคนไม่มีความเสี่ยงจากการติดฝีดาษลิง เช่น การติดเชื้อจากเสื้อผ้าที่ซื้อจากร้านหรือจากปฏิสัมพันธ์กับผู้ติดเชื้อเพียงชั่วครู่ดังที่สื่อสังคมออนไลน์แนะนำ

ตามคำแนะนำของศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคของสหรัฐอเมริกาผู้ที่ไม่มีอาการไม่สามารถแพร่เชื้อฝีดาษลิงได้ แต่อย่างน้อยการวิจัยหนึ่งโครงการตรวจพบไวรัสฝีดาษลิงได้ในผู้ชายที่ไม่มีอาการใดๆ นอกจากนั้นแล้วแนวโน้มของอาการป่วยยัง แตกต่างไปจากอาการป่วยที่เคยพบในการระบาดครั้งก่อนๆ

ในอาฟริกาบางคนป่วยหลังจากสัมผัสกับสัตว์ที่ติดเชื้อ กินสัตว์ป่าหรือใช้ยาที่ทำจากสัตว์ พวกเขามักจะมีไข้และปวดเมื่อย ตามร่างกาย ตามด้วยเป็นผื่นที่เป็นอาการเฉพาะของโรคนี้บนใบหน้า ฝ่ามือและเท้า และตามด้วยผื่นทั่วร่างกาย ส่วนทารก และสตรีมีครรภ์ดูเหมือนว่ามีความเสี่ยงที่จะมีอาการรุนแรงสูงที่สุด

แต่การระบาดนอกทวีปอาฟริกา ผู้ป่วยจำนวนมากไม่มีไข้หรืออาการทางระบบทางเดินหายใจเลย และผื่นมักจะจำกัดอยู่ เพียงไม่กี่แห่งบริเวณอวัยวะเพศหรือทวารหนัก ซึ่งอาจทำให้เข้าใจผิดได้ง่ายว่าเป็นโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ต่างๆ

ประเทศอังกฤษได้ปรับปรุงคำอธิบายอย่างเป็นทางการของฝีดาษลิงให้รวมรอยแผลในปากและทวารหรือความเจ็บปวดที่ทวารหนักและมีเลือดออก นักวิทยาศาสตร์บางคนคาดการณ์ว่าอาการของโรคในประเทศตะวันตกอาจสะท้อนถึงการดำเนินการของโรคของไวรัสนี้ได้อย่างถูกต้อง

วัคซีนเพียงหนึ่งโด๊สเพียงพอหรือไม่?

วัคซีนสำหรับฝีดาษลิงมีสองชนิดและวัคซีนจีนนีโอส (Jynneos) มีความปลอดภัยกว่าวัคซีนอีกชนิดหนึ่งวัคซีนจีนนีโอสผลิตโดยบริษัทบาวาเรียน นอร์ดิก (Bavarian Nordic) ซึ่งเป็นบริษัทขนาดเล็กในประเทศเดนมาร์กและเป็นบริษัทเดียวในโลกที่ผลิตวัคซีนนี้ ปัจจุบันวัคซีนมีจำกัดมากแและรัฐบาลของประธานาธิบดีไบเดนทำงานอย่างเชื่องช้ามากในการสรรหาวัคซีน เพิ่มเติมในขณะที่การระบาดแพร่กระจายออกไปเรื่อยๆ

(ข่าวใน The New York Times เมื่อวันที่ 1 สิงหาคม 2565 กล่าวว่าก่อนหน้านี้รัฐบาลสหรัฐอเมริกามีวัคซีนจีนนีโอสสำรอง อยู่ในคลังถึง  20  ล้านโด๊ส  แต่วัคซีนที่แช่แข็งไว้มีอายุเพียงสามปี  ทำให้รัฐบาลต้องทิ้งวัคซีนไปเกือบหมดและมีเหลือเพียง 2,400 โด๊สเมื่อตอนต้นของการระบาดซึ่งเพียงพอสำหรับฉีดให้แก่คนจำนวน 1,200 คนเท่านั้นเอง และหลายครั้งแทนที่เจ้า หน้าที่ที่เกี่ยวข้องจะสั่งซื้อวัคซีนเพิ่มแต่เจ้าหน้าที่กลับเลือกที่จะลงทุนสำหรับการพัฒนาวัคซีนนี้แบบแช่แข็งแห้ง (freeze- dried)   ที่จะช่วยยืดเวลาในการเก็บสาเหตุหนึ่งเป็นเพราะเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องคิดว่าการระบาดของฝีดาษลิงไม่ใช่เรื่อง สำคัญหรือไม่ใช่ปัญหาของเขาและเลือกที่จะให้ความสนใจต่อสถานการณ์ที่เป็นอันตรายมากกว่าเช่นการก่อการร้ายด้วยอาวุธทางชีวภาพเช่นโดยการใช้ไวรัสไข้ฝีดาษ (smallpox)  ซึ่งมีอัตราการตายสูงถึง  30%  หรือแอนแทรกซ์  (anthrax)  ส่วนวัคซีนอีกชนิดที่สามารถใช้เพื่อป้องกันฝีดาษลิงได้คือ วัคซีนอะแคม 2000 (ACAM2000) แต่วัคซีนมีผลข้างเคียงที่แรง (ไม่ เหมาะกับผู้ที่มีภูมิคุ้มกันบกพร่องหรือผู้ป่วยมะเร็งระยะแพร่กระจาย)   ทำให้แพทย์จำนวนมากไม่สบายใจที่จะใช้วัคซีนนี้ ซึ่งเป็นวัคซีนที่ฉีดเพียงเข็มเดียวและมีผลป้องกันได้ตลอดชีวิต ต่างกับวัคซีนจีนนีโดสที่ต้องฉีด 2 เข็มห่างกันหนึ่งเดือน และไม่มีข้อมูลว่าจะมีฤทธิ์นานตลอดชีวิตหรือไม่ และในต้นปี 2020 รัฐบาลสหรัฐอเมริกาได้สั่งซื้อวัคซีนจีนนีโดสอีก 1.4 ล้าน โด๊ส แต่วัคซีนที่สั่งซื้อยังอยู่ที่บริษัทในเดนมาร์กเพราะรอให้เจ้าหน้าที่ขององค์การอาหารและยาของสหรัฐอเมริกาตรวจรับรองคุณภาพก่อน – จาก How the U.S. Let 20 Million Monkeypox Vaccine Doses Expire ใน https://www.nytimes.com/2022/08/01/nyregion/monkeypox-vaccine-jynneos-us.html )

ในข่าวเมื่อวันที่ 29 กรกฎาคม (หมายเหตุ 1) กล่าวว่าเจ้าหน้าที่รัฐบาลกลางได้สั่งซื้อวัคซีนจีนนีโดสเกือบ 7 ล้านโดส ซึ่งจะ ทยอยมาถึงเป็นชุดๆในเดือนหน้า และจนถึงปัจจุบันรัฐบาลกลางได้จัดวัคซีนไปให้แก่รัฐต่างๆแล้วประมาณ 320,000 โด๊ส และองค์การอาหารและยากล่าวเมื่อวันพุธ (วันที่ 29 กรกฎาคม) ว่า ได้อนุมัติวัคซีนอีก 800,000 โด๊สแต่ยังไม่แน่ว่าจะแจก จ่ายวัคซีนที่ได้มาเมื่อไร

การฉีดวัคซีนจีนนีโดสควรฉีดสองเข็มห่างกัน 28 วัน แต่บางเมือง รวมทั้งวอชิงตัน และนิวยอร์กกำลังงดการฉีดวัคซีนเข็มที่ สองไว้ก่อนจนกว่าจะมีวัคซีนมากขึ้น ซึ่งเป็นการเลียนแบบยุทธศาสตร์ที่สหราชอาณาจักรและแคนาดาใช้กัน

เจ้าหน้าที่สาธารณสุขของรัฐบาลกลางได้แนะนำไม่ให้เลื่อนการฉีดวัคซีนเข็มที่สอง แต่ในการวิจัยหลายโครงการแสดง ว่าการฉีดวัคซีนจีนนีโดสเพียงเข็มเดียวดูหมือนว่าจะสามารถป้องกันได้นานถึงสองปี หากผลดังกล่าวเป็นจริงในชีวิตจริง แล้ว การเลื่อนการฉีดวัคซีนอีกหนึ่งเข็มอาจช่วยให้เจ้าหน้าที่ควบคุมการแพร่ระบาดได้ด้วยการฉีดวัคซีนให้แก่ชาวอเมริกัน จำนวนมากขึ้น

ในช่วงต้นของการระบาดของโควิด-19 นั้นอังกฤษระงับการฉีดวัคซีนโควิดเข็มที่ 2 ไว้ก่อนเพราะมีวัคซีนไม่เพียงพอ ดร. ทิง ลอง ได (Dr. Tinglong Dai) ผู้เชี่ยวชาญด้านการจัดหาวัคซีนจากมหาวิทยาลัยจอห์นส์ ฮอปกินส์ กล่าวว่า “ประโยชน์ของ การให้ความสำคัญต่อการฉีดวัคซีนเข็มแรกมีมากกว่าความเสี่ยง”

แต่ในทางปฏิบัติแล้วอาจไม่มีทางเลือกมากนักเนื่องจากคุณสมบัติของผู้ที่ควรได้รับฉีดวัคซีนถูกขยายให้กว้างขึ้นและมีผู้ที่มี ความเสี่ยงจำนวนมากขึ้นที่ต้องการฉีดวัคซีน หน่วยงานที่มีหน้าที่เกี่ยวกับเรื่องนี้บางแห่งได้ขยายกลุ่มที่มีสิทธิ์ได้รับฉีด วัคซีนให้รวมถึงผู้ให้บริการทางเพศ ผู้ใช้บริการของคลินิกสุขภาพทางเพศ แพทย์และพนักงานคนอื่นๆที่อาจมีโอกาสสัมผัสกับไวรัสในที่ทำงานในเมืองโรดไอส์แลนด์ เอมิลี่ โรเจอร์ส (Emily Rogers) นักมานุษยวิทยาทางการแพทย์วัย 29 ปี กล่าวว่าเธอสามารถโทรหาแผนกสุขภาพในพื้นที่และทำการนัดหมายเพื่อรับฉีดวัคซีนได้อย่างรวดเร็วมากมาก

โรเจอร์สมีคุณสมบัติเข้าข่ายของการได้รับฉีดวัคซีนเพื่อป้องกันฝีดาษลิงเพราะบางครั้งเธอมีเพศสัมพันธ์กับผู้ชายที่มีความเสี่ยงสูงต่อการติดฝีดาษลิง และไม่มีใครตั้งคำถามเกี่ยวกับคุณสมบัติของเธอเลยซึ่งเธอบอกกับผู้เขียนข่าวว่าเจ้าหน้าที่ไม่ได้แปลกใจเกี่ยวกับเรื่องนั้นเลย และการนัดฉีดวัคซีนเป็นไปอย่างราบรื่นมาก เนื่องจากการขาดแคลนวัคซีนจึงมีการเสนอให้ใช้วัคซีนเพื่อการป้องกันเท่านั้น แม้ว่าวัคซีนจะสามารถบรรเทาอาการป่วยได้ หากได้รับภายในไม่กี่วันหลังการสัมผัสเชื้อ

เดวิด บอลด์วิน (David Baldwin) ศาสตราจารย์ด้านดนตรีอายุ 45 ปีในนิวยอร์ก ได้รับฉีดวัคซีนฝีดาษลิงเพราะแพทย์ไม่เชื่อว่าเขาติดเชื้อแล้ว ซึ่งอาการเริ่มแรกของเขาคืออาการปวดบริเวณทวารหนัก ทำให้เขาคิดว่าการที่เขาได้รับฉีดวัคซีนทำให้เขาไม่มีแผลหรือผื่นใดใดบนร่างกายของเขาเลย

การรักษาด้วยยาได้ผลดีแค่ไหน?

ในปีคศ. 2018 องค์การอาหารและยาได้อนุมัติยาเทคโควิริแมท  (tecovirimat) หรือ  TPOXX สำหรับรักษาไข้ฝีดาษโดยใช้ข้อมูลจากการวิจัยในสัตว์ทดลองเป็นฐานเพราะข้อมูลของการใช้รักษาในคนมีจำกัด

อาปูรวา มันดาวิลลี ผู้เขียนข่าวเรื่องนี้กล่าวว่าปริมาณยาที่รัฐบาลมีอยู่ในคลังไม่ใช่ปัญหาเพราะคลังยาแห่งชาติมียาสำหรับ ดาษลิงประมาณ 1.7 ล้านโด๊ส แต่ว่าการได้ยามาใช้นั้นเป็นเรื่องยาก และนั่นหมายความว่ายังมีความคลุมเครืออยู่ว่ายานั้นดีเพียงใดและดีสำหรับใครบ้างถึงแม้ว่าจำนวนผู้ป่วยจะเพิ่มมากขึ้นก็ตาม

เนื่องจากเทคโควิริแมทยังไม่ได้รับอนุมัติเป็นการเฉพาะสำหรับการรักษาโรคฝีดาษลิง  ดังนั้นการสั่งใช้ยาจึงต้องเป็นการใช้ ยาภายใต้ข้อกำหนดของการใช้ยาที่เป็นยาที่กำลังใช้ในการวิจัย  (investigational  drug  protocol)  อยู่เท่านั้น  ซึ่งเป็นเรื่องที่ยุ่งยากพอควร ซึ่งจนกระทั่งเมื่อไม่นานมานี้แพทย์จำเป็นต้องส่งรายงานโดยละเอียดให้แก่ศูนย์ควบคุมและป้องกันโรค และบันทึกที่ผู้ป่วยเป็นคนลงบันทึกประจำวันที่รายงานเกี่ยวกับความคืบหน้าของการรักษาและรูปถ่ายของแผล การที่มีอุปสรรคต่างๆมากมายทำให้คลินิกหลายแห่งไม่ให้บริการการรักษาด้วยยาเทคโควิริแมทเลย  แม้แต่แพทย์ในสถาบันที่ได้ รับทุนสนับสนุนเป็นอย่างดีก็สามารถรักษาผู้ป่วยได้เพียงวันละสองหรือสามคนเท่านั้นเอง

เนฟฟิ นิเวน สต็อกเนอร์ (Nephi Niven Stogner) ชายวัย 39 ปีขอรับการรักษาอาการฝีดาษลิงในวันที่ 8 กรกฎาคม ซึ่งเขาเจ็บปวดอย่างแสนสาหัสและพยายามหายาเทคโควิริแมท แต่ได้รับแจ้งว่ามีคนอื่นที่ป่วยมากกว่าและต้องการยามากกว่าเขา และระหว่างที่เขารอยาในช่วงการกักตัว เขามีแผลใหม่ 3 แผลโผล่ขึ้นที่หลังของเขาทำให้เขาเปรียบเทียบว่าเหมือนกับว่าการถูกจำคุกของเขาถูกขยายเวลาออกไปอีกในที่สุดสต็อกเนอร์ก็ได้รับยาโด๊สแรกในวันที่ 21 กรกฎาคม  และภายใน  24 ชั่วโมงแผลของเขาก็เปลี่ยนจากแผลบวมและแดงกลายเป็นจุดด่างดำที่แบนแบน

ความล่าช้าดังกล่าวทำให้ศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคผ่อนคลายกฎสำหรับการเข้าถึงยาเทคโควิริแมท  ในปัจจุบันศูนย์ ป้องกันและควบคุมโรคมีเงื่อนไขให้คนไข้มาที่คลินิกเพียงไม่กี่ครั้ง ลดจำนวนตัวอย่างและแบบฟอร์มต่างๆ ลง และอนุญาตให้แพทย์ประเมินผู้ป่วยโดยวิธีการเสมือนจริงได้

คริสเตน นอร์ลันด์ (Kristen   Nordlund)  โฆษกหญิงของศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคกล่าวว่าการใช้ยาที่กว้างขึ้นควรหมายความว่านักวิทยาศาสตร์และเจ้าหน้าที่สาธารณสุขจะมีความเข้าใจที่ดีขึ้นเกี่ยวกับประสิทธิภาพของยา เงื่อนไขใหม่นี้จะช่วยให้ศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคกำหนดได้ว่ายานี้ใช้ได้ผลกับผู้ป่วยโรคฝีดาษลิงหรือไม่และดีเพียงใด

สถาบันโรคภูมิแพ้และโรคติดต่อแห่งชาติกำลังวางแผนการวิจัยทางคลินิกของยาเทคโควิริแมทในผู้ใหญ่ที่ติดเชื้อฝีดาษลิง รวมถึงผู้ที่มีเอชไอวีด้วยซึ่งอาจเริ่มในฤดูใบไม้ร่วงนี้   [4]สถาบันโรคภูมิแพ้และโรคติดต่อแห่งชาติกำลังร่วมมือกับบริษัทซิกาเทคโนโลยี่   (Siga   Technologies)   ซึ่งเป็นผู้ผลิตยาเทคโควิริแมทในการวิจัยอีกโครงการหนึ่งในสาธารณรัฐประชาธิปไตย คองโกซึ่งไวรัสฝีดาษลิงเป็นโรคระบาดที่เป็นปัญหามาช้านานแล้ว และคาดว่าการวิจัยนี้จะเริ่มในช่วงฤดูใบไม้ร่วงนี้

ในการประชุมเอดส์ 2022 ที่เมืองมอลทรีออล ประเทศคานาดาที่เพิ่งจบไป นักรณรงค์เกี่ยวกับสุขภาพได้บุกขึ้นไปบน เวทีการประชุมเกี่ยวกับฝีดาษลิงเพื่อเรียกร้องให้องค์การอนามัยโลก องค์การสหประชาชาติ และหน่วยงานของรัฐบาลสหรัฐอเมริการวมถึงศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคให้ดำเนินการอย่างเร่งด่วนเพื่อหยุดการแพร่กระจายของโรคฝีดาษลิงทั่วทั้งโลก

เนคเก เลเดน (Naïké Ledan) รองผู้อำนวยการด้านนโยบายและการสนับสนุนระหว่างประเทศขององค์กรเฮลธ์แกพ (HealthGAP) กล่าวว่า “อาฟริกากลางและอาฟริกาตะวันตกต่อสู้กับไวรัสนี้มาตั้งแต่ปี 1970 แต่ไม่มีใครพูดถึงมันเลยเพราะ มันไม่ใช่[ไวรัสที่ส่งผลกระทบต่อ]ร่างกายสีขาว”  “เราเรียกร้องให้มีการแบ่งปันอุปกรณ์การตรวจเชื้อ  การรักษา  และวัคซีน ทั่วโลกอย่างเท่าเทียมกันในทันที   เราเรียกร้องให้ปฏิเสธทรัพย์สินทางปัญญาทั้งหมดเพราะว่าเรื่องนี้เป็นวิกฤตระดับโลก ไม่ใช่โอกาสในการสร้างรายได้อีกแล้ว” [5]

____________

[1] California Declares State of Emergency as Monkeypox Spreads โดย Shawn Hubler เมื่อ 2 สิงหาคม 2565 ใน https://www.nytimes.com/2022/08/02/us/california-state-of-emergency-monkeypox.html

[2] Three Pressing Questions About Monkeypox/ Spread, Vaccination, Treatment โดย Apoorva Mandavilli ใน https://www.nytimes.com/2022/07/29/health/monkeypox-spread-vaccine-treatment.html

[3] ในวันที่ 2 สิงหาคม 2565 ประธานาธิบดีไบเดนประกาศจัดตั้งทีมตอบสนองปัญหาฝีดาษลิงของทำเนียบขาวโดยมี Robert Fenton อดีตผู้อำนวยการ ภูมิภาคของ FEMA (สำนักจัดการภาวะฉุกเฉินของรัฐบาลกลาง) และอดีตรักษาการผู้อำนวยการการณรงค์ฉีดวัคซีนโควิด-19 ในช่วงแรกของ ประธานาธิบดีไบเดน เป็นผู้ประสานงานระดับประเทศ (national monkeypox response coordinator) และ Dr. Demetre Daskalakis ผู้อำนวยการของ แผนกป้องกันเอชไอวีและเอดส์ของศูนย์ควบคุมและป้องกันโรค สหรัฐอเมริกาเป็นรองผู้ประสานงาน จาก Biden Announces Monkeypox Response Team ใน https://www.medscape.com/viewarticle/978461?src=wnl_edit_tpal&uac=166180HN&impID=4494178&faf=1

[4] เครือข่ายการวิจัยทางคลินิกด้านเอดส์ (AIDS Clinical Trials Group หรือ ACTG) ซึ่งได้รับทุนสนับสนุนจากสถาบันโรคภูมิแพ้และโรคติดต่อแห่งชาติ และเป็นเครือข่ายการวิจัยเกี่ยวกับการรักษาเอชไอวีและเอดส์ที่สำคัญของโลกกำลังพัฒนาการวิจัยทางคลินิกระยะที่ 3 เพื่อประเมินประสิทธิผลของยาเทค โควิริแมทในโด๊สต่างๆสำหรับผู้ป่วยโรคฝีดาษลิงและกำลังขอความคิดเห็นจากผู้มีส่วนได้เสียในระดับต่างๆอยู่

[5] Activists Disrupt Global AIDS Conference to Demand Action on Monkeypox โดย Jessica Corbettt เมื่อ 2 สิงหาคม 2565 ใน https://www.commondreams.org/news/2022/08/02/activists-disrupt-global-aids-conference-demand-action-monkeypox