โลกกำลังจับตาดูว่าสหรัฐอเมริกาจะจัดการอย่างไรกับไข้หวัดนก

อุดม ลิขิตวรรณวุฒิ แปล

เมื่อวันที่ 19 พฤศจิกายน 2567 ดร. ทูลิโอ เดอ โอลิเวอิรา (Dr. Tulio de Oliveira) ผู้อำนวยการศูนย์การตอบสนองและนวัตกรรมด้านโรคระบาด (the Centre for Epidemic Response and Innovation) ในประเทศอาฟริกาใต้ เขียนบทความบรรณาธิการแสดงความกังวลเกี่ยวกับไวรัสไข้หวัดนกที่แพร่กระจายในสหรัฐอเมริกาในขณะนี้ ดังเนื้อหาด้านล่าง [1] 

ภาพโดย Mark Pernice ใน The New York Times

ในฐานะนักวิทยาศาสตร์ด้านไวรัสในประเทศอาฟริกาใต้ ผมเฝ้าดูด้วยความรู้สึกหวาดหวั่นเมื่อไข้หวัดนกเอชห้าเอนหนึ่ง (H5N1 bird flu) แพร่กระจายไปสู่สัตว์ต่างๆในสหรัฐอเมริกา เชื้อโรคนี้เป็นภัยคุกคามที่ร้ายแรงต่อการระบาดใหญ่ (pandemic) และถูกตรวจพบแล้วในฝูงโคนมมากกว่า 500 ฝูงใน 15 รัฐ ซึ่งอาจจะยังต่ำกว่าความเป็นจริง แต่การตอบสนองของสหรัฐอเมริกานั้นดูเหมือนจะไม่เพียงพอและล่าช้า โดยมีการตรวจลำดับจีโนมของไข้หวัดนกเอชห้าเอนหนึ่งในสัตว์เลี้ยงในฟาร์มไม่กี่ตัวที่มีการเปิดเผยต่อสาธารณะเพื่อการตรวจสอบทบทวนทางวิทยาศาสตร์

ความล้มเหลวในการควบคุมเอชห้าเอนหนึ่งในปศุสัตว์ของอเมริกาอาจส่งผลกระทบไปทั่วโลก และต้องได้รับการดูแลแก้ไขอย่างเร่งด่วน สหรัฐอเมริกายังไม่ได้ทำอะไรมากนักเพื่อให้ทั่วโลกมั่นใจว่าจะสามารถควบคุมการระบาดได้

เมื่อเร็ว ๆ นี้มีการติดเชื้อในหมูตัวหนึ่งในฟาร์มแห่งหนึ่งในรัฐโอเรกอนที่เป็นเรื่องที่น่ากังวลเป็นพิเศษเนื่องจากหมูถือเป็น “ชามผสม” ของไวรัสไข้หวัดใหญ่ หมูสามารถติดเชื้อได้ทั้งโดยไวรัสไข้หวัดใหญ่จากนกและจากคน ทำให้มีความเสี่ยงที่ไวรัสจะแลกเปลี่ยนสารพันธุกรรมและอาจเร่งการปรับตัวให้เกิดการแพร่เชื้อสู่คนได้ ดังเช่นการระบาดใหญ่ของไวรัสเอชหนึ่งเอนหนึ่ง (H1N1) ในปีคศ. 2009 (พศ. 2552) ที่เกิดขึ้นและแพร่กระจายโดยหมูในช่วงแรก

นอกเหนือจากความเสี่ยงต่างๆต่อพลเมืองของตนเองแล้ว (ซึ่งมีผู้ติดเชื้อไวรัสนี้ในสหรัฐอเมริกามากกว่า 45 รายในปีคศ.2024) สหรัฐอเมริกาน่าจะจำได้ว่าประเทศที่เป็นต้นตอของโรคระบาดใหญ่แล้วแพร่สู่โลกภายนอกมักถูกกล่าวหาว่าไม่ได้ดำเนินการเพียงพอที่จะควบคุมการระบาดนั้นได้เป็นอย่างไร ดังที่เราได้ยินเสมอมาว่าจีนดำเนินการไม่เพียงพอที่จะหยุดยั้งการระบาดใหญ่ของโควิด-19 เราคงไม่อยากเห็นโรคระบาดใหญ่ครั้งใหม่มีชื่อว่า “ไวรัสของอเมริกา” เพราะอาจสร้างความเสียหายอย่างมากต่อชื่อเสียงและเศรษฐกิจของสหรัฐอเมริกา

สหรัฐอเมริกาควรเรียนรู้จากการตอบสนองต่อโรคติดเชื้อของกลุ่มประเทศกำลังพัฒนาว่าเป็นอย่างไร พวกเราที่ทำงานในภูมิภาคนี้มีประวัติที่ดีในการตอบสนองต่อโรคระบาดและการระบาดใหญ่ที่เกิดขึ้นใหม่ และสามารถช่วยสหรัฐอเมริกาในการระบุสายพันธุ์ของไวรัสใหม่ และเสนอข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับวิธีควบคุมเอชห้าเอนหนึ่งได้ ความรู้ดังกล่าวไม่ได้ได้มาอย่างง่ายดายหรือปราศจากความทุกข์ยาก แต่มาจากประสบการณ์หลายสิบปีในการจัดการกับโรคร้ายแรง เราได้เรียนรู้บทเรียนง่าย ๆ หนึ่งอย่าง: เราต้องเรียนรู้เกี่ยวกับศัตรูของเราให้เร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้เพื่อต่อสู้กับมัน

เราทำสิ่งนี้ในช่วงโควิด ในเดือนพฤศจิกายน คศ. 2021 ผมและเพื่อนร่วมงาน รวมถึงคนอื่นๆในบอตสวานา (Botswana) ได้ค้นพบไวรัสกลายพันธุ์โอมะครอน เรารีบเตือนสาธารณชนและโลกภายนอกว่าไวรัสอาจแพร่ระบาดได้อย่างรวดเร็ว ความโปร่งใสแบบนี้ไม่ใช่เรื่องง่ายเสมอไปเพราะอาจต้องแลกมาด้วยการสูญเสียทางเศรษฐกิจที่สูงมาก ตัวอย่างเช่น หลังจากที่เราเผยแพร่การค้นพบไวรัสกลายพันธุ์โอมะครอน ประเทศต่าง ๆ ทั่วโลกได้ประกาศห้ามการเดินทางไปยังประเทศอาฟริกาใต้ก่อนวันหยุดเทศกาลเดือนธันวาคม ส่งผลให้เกิดปฏิกิริยาตอบโต้ ทีมของเราได้รับคำขู่ฆ่า และเราต้องมีเจ้าหน้าที่รักษาปลอดภัยสำหรับห้องแล็บของเรา มีการประมาณการหนึ่งระบุว่าประเทศอาฟริกาใต้ได้สูญเสียรายได้ถึง 63 ล้านดอลลาร์ (2,178 ล้านบาท) จากถูกยกเลิกการจองต่างๆตั้งแต่เดือนธันวาคมถึงมีนาคม

แต่การกระทำดังกล่าวเป็นสิ่งที่ถูกต้อง นั่นคือเหตุผลที่ทำให้ผมรู้สึกหงุดหงิดใจมากที่ลำดับจีโนมของสัตว์ที่ติดเชื้อเอชห้าเอนหนึ่งในสหรัฐอเมริกาไม่ได้รับการเผยแพร่ในทันที การแบ่งปันข้อมูลจีโนมของตัวอย่างไวรัสในทันทีถือเป็นสิ่งสำคัญในการทำความเข้าใจเรียนรู้ถึงภัยคุกคามและให้เวลากับโลกในการเตรียมตัว ซึ่งรวมถึงการพัฒนายาต้านไวรัสและวัคซีนด้วย ตัวอย่างเช่น เมื่อเร็วๆนี้ประเทศรวันดา (Rwanda) กล้าที่จะเปิดเผยต่อสาธารณะเกี่ยวกับการตรวจพบไวรัสมาร์เบิก (Marburg) ที่อันตรายถึงชีวิต ทีมสาธารณสุขที่นั่นทำงานตลอดเวลา และภายในเวลาประมาณหนึ่งเดือน พวกเขาก็ดูเหมือนจะควบคุมการระบาดได้ ประเทศอื่นๆในอาฟริกาได้แบ่งปันข้อมูลเกี่ยวกับการแพร่กระจายของไวรัสเอมพ็อกซ์ (Mpox) อย่างเปิดเผยเช่นกัน

ผมได้ทำงานร่วมกับนักวิทยาศาสตร์ชาวอเมริกันมาเป็นเวลาหลายทศวรรษแล้ว และในช่วงฤดูร้อนนี้ ผมได้เยี่ยมชมสถาบันวิจัยทางวิทยาศาสตร์ชั้นนำหลายแห่งของประเทศ และเป็นวิทยากรในการประชุมไวรัสวิทยาประจำปีที่ใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งของประเทศ ผมทราบดีว่านักวิทยาศาสตร์ชาวอเมริกันจำนวนมากงุนงงมากกับการตอบสนองที่ล่าช้าของประเทศต่อไวรัสเอชห้าเอนหนึ่ง นักไวรัสวิทยาชาวอเมริกันที่ได้รับความเคารพนับถือคนหนึ่ง คือเดวิด โอคอนเนอร์ (David O’Connor) บอกผมว่า “ดูเหมือนว่าสหรัฐอเมริกาจะติดอยู่กับการพนันกับไวรัสเอชห้าเอนหนึ่ง แต่ถ้าคุณพนันนานพอแล้ว
ไวรัสอาจชนะคว้าเงินรางวัลทั้งหมดได้” การได้รางวัลสำหรับไวรัสคือการเป็นเชื้อเพลิงสำหรับโรคระบาดทั่วโลก

ถึงเวลาแล้วที่จะต้องตอบโต้ภัยคุกคามนี้อย่างจริงจัง นักวิทยาศาสตร์ทั่วโลกพร้อมให้ความช่วยเหลือในแบบเดียวกับที่สหรัฐอเมริกาเคยช่วยเหลือเรามาแล้วหลายครั้ง ประเทศต่างๆต้องสนับสนุนซึ่งกันและกันต่อไป เราต้องการกองกำลังทางวิทยาศาสตร์และการแพทย์ระดับนานาชาติที่จะทำงานร่วมกันเพื่อตอบสนองต่อโรคระบาดใหม่และการระบาดใหญ่ที่อาจเกิดขึ้นได้ ซึ่งรวมถึงการวินิจฉัยและวิเคราะห์ทางพันธุกรรมของตัวอย่างไวรัส เอชห้าเอนหนึ่งทุกตัวอย่างที่มีอยู่

ผมเข้าใจว่าไม่ใช่เรื่องง่ายในการโน้มน้าวธุรกิจต่างๆ เช่น อุตสาหกรรมเนื้อสัตว์และผลิตภัณฑ์นม ให้ยินยอมทำการตรวจการติดเชื้อในสัตว์และพนักงานทั้งหมด และเปิดเผยข้อมูลดังกล่าวต่อสาธารณชนอย่างรวดเร็ว แต่ผมก็รู้เช่นกันว่าในท้ายที่สุดแล้ว การทำเช่นนี้จะช่วยปกป้องชีวิต ลดความเสียหายทางเศรษฐกิจ และสร้างโลกที่ปลอดภัยยิ่งขึ้น

โลกไม่สามารถเสี่ยงกับไวรัสนี้ได้ โดยปล่อยให้มันแพร่กระจายในสัตว์และหวังว่ามันจะไม่กลายพันธ์ุเกิดการระบาดที่ร้ายแรงขึ้น หรือภาวนาว่าผลกระทบจากไวรัสจะไม่ร้ายแรงในคน เวลาจะเป็นเครื่องพิสูจน์ ผมหวังว่าเราไม่ได้เพียงแต่เฝ้าดูในการเริ่มของการระบาดครั้งใหม่ที่กำลังเกิดขึ้น โดยที่ทั้งชุมชนชาวอเมริกันและนานาชาติต่างเอาหัวมุดทรายเพื่อหลบเลี่ยงปัญหาแทนที่จะเผชิญกับอันตรายที่อาจเกิดขึ้น

____________________________________

[1] The world is watching the US deal with bird flu, and it’s scary โดย Tulio de Oliveira เมื่อ 19 พฤศจิกายน 2567 ใน https://www.nytimes.com/ 2024/11/19/opinion/bird-flu-disease-outbreak.html