บทความโดย อุดม ลิขิตวรรณวุฒิ

เมื่อวันที่ 2 สิงหาคม 2564 การฉีดวัคซีนโควิด-19 ในสหรัฐอเมริกาบรรลุเป้าหมายที่ประธานาธิบดีกำหนดไว้สำหรับวันที่ 2 กรกฎาคม 2564 ที่ผ่านมา เป้าหมายดังกล่าวคือ 70% ของชาวอเมริกันที่เข้าเกณฑ์ได้รับฉีดวัคซีนโควิด-19 แล้วอย่างน้อยหนึ่งเข็ม [1]ซึ่งข่าวดีเช่นนี้น่าจะเป็นสิ่งที่ดีต่อความหวังในการกลับคืนไปสู่สภาวะปกติก่อนการแพร่ระบาดโควิด-19 แต่ข่าวที่ไม่คาดหวังและไม่ใช่เรื่องดีเกี่ยวกับโรคระบาดโควิด-19 เป็นข่าวเกี่ยวกับรายงานภายในของศูนย์ควบคุมและ ป้องกันโรคของสหรัฐอเมริกา (U.S. CDC) ที่กล่าวว่าไวรัสผันแปรเดลต้า (delta variant) ของไวรัสโคโรนาดูเหมือนว่าจะ ทำให้ผู้ป่วยเป็นโรคโควิด-19 ที่รุนแรงกว่าไวรัสผันแปรรุ่นแรกๆ และแพร่ระบาดได้ง่ายเหมือนกับไวรัสของโรคอีสุกอีใส (chickenpox) และสามารถแพร่ระบาดได้ในคนที่ได้รับฉีดวัคซีนโควิด-19 ครบแล้ว[2]

หากมองย้อนกลับไปเมื่อต้นปี นพ. แอนโทนี ฟาวชิ (Dr. Anthony Fauci) ผู้อำนวยการสถาบันโรคภูมิแพ้และโรค ติดเชื้อของสหรัฐอเมริกา (National Institute of Allergy and Infectious Diseases – NIAID) และเป็นแพทย์ด้านโรค ระบาดที่คนจำนวนมากเชื่อถือ กล่าวเตือนว่าสถานการณ์โรคระบาดโควิด-19 จะคงอยู่ไปอีกนาน และกล่าวในตอนนั้นว่า เรายังไม่ออกจาก(ป่า)พง (We are not out of the woods yet.) และ ศาสตราจารย์ แพทย์หญิง โรเชล วาเลนสกี้ (Prof. Rochelle Walensky) ผู้อำนวยการของศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคของสหรัฐอเมริกาก็กล่าวว่าอเมริกายังไม่ออกจากพง เมื่อให้สัมภาษณ์เกี่ยวกับการแพร่ระบาดของไวรัสผันแปรเดลต้าที่ ศ.วาเลนสกี้ เรียกว่าเป็นไวรัสที่ดุดันและแพร่ระบาดง่าย กว่าไวรัสผันแปรอื่นๆที่ระบาดก่อนหน้านี้[3]

การฉีดวัคซีนให้แก่ประชาชนชาวอเมริกาที่ก้าวหน้าพอสมควรทำให้คนจำนวนมากมีความหวังต่อการกลับไปใช้ ชีวิตตามปกติไม่ต้องระมัดระวังตัวต่อการติดเชื้อและป่วยเป็นโควิด-19 เหมือนกับช่วงปีที่ผ่านมา และ โจ ไบเดน (Joe Biden)  ประธานาธิบดีของสหรัฐอเมริกาบอกว่าฤดูร้อนของปีนี้จะเป็นฤดูร้อนของอิสรภาพและฤดูร้อนที่สุขสันต์   (summer of freedom, summer of joy) และประเทศอังกฤษที่ประชาชนจำนวนมากได้ฉีดวัคซีนโควิด-19 ไปแล้วก็มีความหวังเช่น เดียวกัน เมื่อวันที่ 19 กรกฎาคม 2564 ที่ผ่านมา บอริส จอห์นสัน (Boris Johnson) นายกรัฐมนตรีของสหราชอาณาจักร ประกาศว่าเป็นวันอิสรภาพ(จากโควิด) หรือ Freedom Day ที่ยกเลิกการบังคับให้คนสวมหน้ากากอนามัยเมื่ออยู่ภายใน อาคารหรือในสถานที่ปิดและการเว้นระยะห่างระหว่างบุคคล[4]

คนทั่วโลกต้องมีชีวิตอยู่ภายใต้มาตรการควบคุมการระบาดของโควิด-19 เป็นเวลาประมาณ 18 เดือนมาแล้ว ดัง นั้นเมื่อสถานการณ์ดูท่าว่าจะดีขึ้นเนื่องจากการรณรงค์ฉีดวัคซีนโควิด-19 ในประเทศต่างๆที่ทำให้ประชาชนของประเทศได้ รับฉีดวัคซีนโควิด-19 ไปแล้วเป็นจำนวนมากพอสมควรซึ่งย่อมส่งผลให้อัตราการติดเชื้อและจำนวนคนป่วยโควิด-19 รุนแรงและการเสียชีวิตจากโควิด-19 ลดลงเป็นอย่างมากที่ย่อมจะทำให้ความกังวลและความกลัวโควิด-19 ของประชาชน ลดลงด้วย มีผลให้ผู้นำประเทศและประชาชนจำนวนหนึ่งรู้สึกว่าการอดทนและระวังตัวต่อไปไม่มีความจำเป็นเหมือนแต่ ก่อนและการกลับไปใช้ชีวิตอยู่ตามปกติโดยเร็วที่สุดเป็นสิ่งสำคัญกว่า และมีผู้นำของหลายประเทศที่คิดว่าการมีชีวิตอยู่กับ โควิด-19 ต่อไปในอนาคตเป็นสิ่งที่ต้องยอมรับ และจะต้องมีคนติดเชื้อ คนป่วย และคนตายจากโควิด-19 จำนวนหนึ่งอย่าง หลีกเลี่ยงไม่ได้

แต่สำหรับผู้เชี่ยวชาญด้านโรคระบาดจำนวนหนึ่งมีความรู้สึกกังวลต่อทัศนคติเช่นนั้นเนื่องจากในประเทศที่มีความ ก้าวหน้าเป็นอย่างมากในเรื่องการฉีดวัคซีนโควิด-19 ให้แก่ประชาชนของตนแต่ยังมีคนจำนวนมากพอสมควรในประเทศที่ ยังไม่ได้รับฉีดวัคซีนหรือที่ยังลังเลไม่กล้าตัดสินใจอยู่ รวมถึงคนที่ต่อต้านการฉีดวัคซีนอย่างแท้จริงด้วย

การแพร่ระบาดของไวรัสผันแปรเดลต้าที่เป็นไปอย่างรวดเร็วในหลายประเทศทั่วโลกรวมถึงในประเทศที่ ประชาชนได้รับฉีดวัคซีนไปแล้วเป็นจำนวนมากและในอีกหลายประเทศที่การรณรงค์ฉีดวัคซีนโควิด-19 ให้แก่ประชาชน ของตนยังเป็นไปอย่างล่าช้า ยิ่งเพิ่มความกังวลขึ้นไปอีก

ความต้องการหรือความหวังที่จะเป็นอิสระจากโควิด-19 และพร้อมที่จะยกเลิกมาตรการป้องกันอื่นๆด้วยจึงเป็น เรื่องที่น่ากังวลมาก ผู้เชี่ยวชาญด้านโรคระบาดของศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคของสหรัฐอเมริกากล่าวว่าเจ้าหน้าที่ของ รัฐบาลจะต้องตระหนักว่าสงครามกับโควิด-19 ได้เปลี่ยนแปลงไปแล้ว[ในทางที่แย่กว่าเดิม] (หมายเหตุ 2)

ฤดูร้อนของอิสรภาพจากโควิดในขณะที่การติดเชื้อในหลายประเทศร่ำรวย/รายได้สูงเพิ่มสูงขึ้นนั้นทำให้แพทย์ หญิงมาเรีย แวน เคอร์โคฟ (Dr. Maria Van Kerkhove) นักระบาดวิทยาจากองค์การอนามัยโลก เตือนว่า “โลกจำเป็นต้อง ตรวจเช็กความจริง” เธอชี้ให้เห็นว่าคนส่วนมากเริ่มไม่สนใจต่อการเว้นระยะห่างระหว่างบุคคลแล้ว และการติดเชื้อที่ปะทุ เพิ่มมากขึ้นในหลายประเทศที่การฉีดวัคซีนให้แก่ประชาชนยังต่ำอยู่ ซึ่งนักวิทยาศาสตร์และเจ้าหน้าที่สาธารณสุขจากทั่ว โลกจำนวนมากมีความกังวลเช่นนี้เหมือนกันและคิดว่าการยุติการแพร่ระบาดของโควิด-19 ยังเป็นเรื่องห่างไกล พญ. แวน เคอร์โคฟ เน้นว่าเราออกห่างจากจุดจบ[ของการแพร่ระบาด]มากกว่าที่ควรจะเป็น และทั้งโลกอยู่ในตำแหน่งที่แย่มากใน ขณะนี้[5]

นพ. ฟรานซิส คอลลินส์ (Dr. Francis Collins) ผู้อำนวยการสถาบันสุขภาพแห่งชาติ (the National Institutes of Health – NIH) ของสหรัฐอเมริการู้สึกเช่นเดียวกันและคิดว่าหลายรัฐในอเมริกายกเลิกกฏข้อบังคับในการป้องกันการแพร่ ระบาดของโควิด-19 เร็วเกินไป และกล่าวว่าเขาไม่แปลกใจในอัตราการติดเชื้อที่เพิ่มขึ้นของพื้นที่ที่คนจำนวนมากยังไม่ได้ ฉีดวัคซีนและหันกลับไปมีพฤติกรรมเดิมที่ทำอยู่ก่อนมีการระบาด

การตรวจเช็กความเป็นจริงอีกอย่างคือวัคซีนโควิด-19 ไม่สามารถป้องกันการติดเชื้อได้ 100% และจะมีคนที่ได้ รับฉีดวัคซีนครบแล้วทั้งสองเข็มจำนวนหนึ่งที่ติดเชื้อ ซึ่งในข่าว The Washington Post (หมายเหตุ 5) ยกตัวอย่างการ แข่งขันเบสบอลระดับประเทศนัดหนึ่งที่ถูกยกเลิกเพราะผู้เล่นหกคนของทีมหนึ่งติดเชื้อและทั้งหกคนได้รับฉีดวัคซีนโควิด-19 ครบหมดแล้ว

แถลงข่าวของศูนย์ป้องกันและควบคุมโรคของสหรัฐอเมริกากล่าวว่าเมื่อจำนวนคนที่ได้รับฉีดวัคซีนมากขึ้นจำนวน การติดเชื้อหลังจากการฉีดวัคซีนก็จะเพิ่มขึ้นตามไปด้วย แต่ผู้ที่ติดเชื้อหลังจากที่ได้รับฉีดวัคซีนแล้วจำนวนมากจะไม่มี อาการป่วย ดังนั้นในเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมาศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคของสหรัฐอเมริกาจึงตัดสินใจที่จะติดตามผู้ที่ติด เชื้อหลังจากที่ได้รับฉีดวัคซีนแล้วที่ป่วยเป็นโควิด-19 ที่มีอาการรุนแรงจนต้องเข้าโรงพยาบาลเท่านั้น

การตรวจเช็กความจริงที่สำคัญอีกประการคือไวรัสผันแปรเดลต้าที่เกิดการเปลี่ยนแปลงที่ทำให้มันแพร่เชื้อได้ดีขึ้น และผู้ที่ติดเชื้อในสหรัฐอเมริกาในขณะนี้ส่วนมากเกิดจากไวรัสผันแปรนี้ การที่ไวรัสผันแปรเดลต้าแพร่กระจายได้ดีเช่นนี้ ทำให้มันกลายเป็นไวรัสผันแปรที่พบมากที่สุดของการติดเชื้อรายใหม่ในอังกฤษเช่นกัน ซึ่งเนื่องจากมันสามารถแพร่ กระจายได้ดีมากทำให้มันผลักไวรัสผันแปรอัลฟ่า (alpha variant) (ที่เป็นไวรัสผันแปรที่แพร่ระบาดมากในอังกฤษก่อนหน้า นี้) ออกไปได้

รายงานภายในของศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคที่ The Washington Post (หมายเหตุ 2) อ้างถึงเอ่ยว่าไวรัส ผันแปรเดลต้าแพร่เชื้อได้ดีเท่ากับไวรัสโรคอีสุกอีใส รายงานดังกล่าวเป็นการนำเสนอสำหรับภายในองค์กรซึ่งเอ่ยถึงผล ของการวิจัยหลายโครงการรวมถึงการวิจัยเกี่ยวกับการติดเชื้อที่ปะทุเพิ่มขึ้นมากในเมืองโปรวินซ์ทาวน์ในรัฐแมสซาชูเซตส์ (Provincetown, Massachusetts) ที่เกิดขึ้นหลังจากการเฉลิมฉลองวันชาติของสหรัฐอเมริกาเมื่อวันที่ 4 กรกฎาคม 2564 ที่ผ่านมาซึ่งเป็นวันอาทิตย์ และเมื่อถึงวันพฤหัสบดีที่ 8 กรกฎาคมมีคนติดเชื้อทั้งหมด 882 คนซึ่ง 3 ใน 4 ของผู้ที่ติดเชื้อใน ช่วงนั้นได้ฉีดวัคซีนโควิด-19 ไปแล้ว (วัคซีนที่ได้รับฉีดรวมถึงวัคซีนจากไฟเซอร์ โมเดอร์นา และจอห์นสัน แอนด์ จอห์นสัน)

และจากการตรวจผู้ติดเชื้อแสดงว่าผู้ที่ติดเชื้อจากไวรัสผันแปรเดลต้ามีปริมาณไวรัสในจมูกและคอในปริมาณที่มหาศาลไม่ ว่าจะได้รับฉีดวัคซีนแล้วหรือไม่ก็ตาม[6]

รายงานภายในยังอ้างถึงการศึกษาอีกการศึกษาหนึ่งที่เกี่ยวกับการติดเชื้อที่ปะทุเพิ่มขึ้นในเขตบาร์นสเบิลของรัฐ แมสซาชูเซตส์ (Barnstable County, Massachusetts) ที่แสดงว่าผู้ที่ติดเชื้อและได้รับฉีดวัคซีนแล้วกับผู้ที่ติดเชื้อแต่ยังไม่ ได้รับฉีดวัคซีนหลั่ง (shed) ไวรัส [หรือแพร่กระจายไวรัส] ออกมาในปริมาณที่เท่ากัน ซึ่งศาสตราจารย์ นพ. วอลเทอร์ เอ โอ เรนสตีน (Prof. Walter A. Orenstein) รองผู้อำนวยการศูนย์วัคซีนเอมอรี (Emory Vaccine Center) กล่าวกับผู้สื่อข่าว The Washington Post ในหมายเหตุ 2 ว่าข้อมูลเรื่องนี้สำคัญมากเพราะมันทำให้หลายอย่างเปลี่ยนไป

ต่อความเห็นที่ว่าสงครามกับโควิด-19 ที่เปลี่ยนไปแล้วนั้นผู้เชี่ยวชาญด้านโรคระบาดจำนวนหนึ่งมีความเห็นว่า ความสามารถของไวรัสผันแปรเดลต้าที่แพร่กระจายได้ง่ายมากนั้นทำให้ความหวังต่อภูมิคุ้มกันหมู่เป็นเรื่องที่ยากมากขึ้น เมื่อทบทวนการนำเสนอของศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคแล้วศาสตราจารย์ นพ. เจฟฟรีย์ เชอร์เมน (Prof. Jeffrey Shaman) นักระบาดวิทยาจากมหาวิทยาลัยโคลัมเบีย (Columbia University) คิดว่าอาจเป็นไปได้ว่าคนที่ได้รับฉีดวัคซีน แล้วอาจจะมีส่วนเป็นอย่างมากต่อการแพร่ระบาดของไวรัสผันแปรเดลต้าซึ่งการนำเสนอภายในระบุว่าในแต่ละอาทิตย์มี คนที่ได้รับฉีดวัคซีนแล้วและติดเชื้อที่ออกอาการประมาณ 3,500 รายจากชาวอเมริกัน 162 ล้านคนที่ได้รับฉีดวัคซีนไปแล้ว ดังนั้นในแง่หนึ่งมันทำให้การฉีดวัคซีนกลายเป็นเรื่องเกี่ยวกับการป้องกันตัวบุคคล เป็นเรื่องเกี่ยวกับการป้องกันคนที่ได้รับ ฉีดวัคซีนไม่ให้ป่วยรุนแรงที่ทำให้ภูมิคุ้มกันหมู่กลายเป็นเรื่องที่ไม่มีความเกี่ยวข้องไปเสียเนื่องจากการติดเชื้อซ้ำและการ ติดเชื้อหลังจากที่ได้รับฉีดวัคซีนไปแล้วมีเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ (หมายเหตุ 2)

การนำเสนอภายในกล่าวว่าคนที่มีอายุมากไม่ว่าจะเป็นคนที่ได้รับฉีดวัคซีนแล้วหรือยังไม่ได้รับฉีดวัคซีนก็ตามมี ความเสี่ยงต่อการป่วยหนักและเสียชีวิตมากกว่าคนที่มีอายุน้อย ถึงแม้ว่าผลของการศึกษาเกี่ยวกับการติดเชื้อที่ปะทุเพิ่มขึ้นในเมืองโปรวินซ์ทาวน์และในเขตบาร์นสเบิลในรัฐแมส ซาชูเซตส์ยังไม่มีการเผยแพร่ แต่ผลของการศึกษาดังกล่าวทำให้นักวิทยาศาสตร์ของศูนย์ฯต้องเปลี่ยนแปลงแนวทางปฏิบัติสำหรับผู้ที่ได้รับฉีดวัคซีนแล้วที่ต่างไปจากเดิมเป็นอย่างมาก และตัดสินใจเผยแพร่แนวทางปฏิบัติใหม่นี้ก่อนที่จะ เปิดเผยข้อมูลท่ีเกี่ยวข้องให้แก่สาธารณชน

แนวทางปฏิบัติที่ถูกปรับปรุงใหม่นั้นผูกกับข้อมูลของการศึกษาทั้งสองเป็นอย่างมากและแนะนำให้คนทั้งที่ยังไม่ ได้รับฉีดวัคซีนและคนที่ได้รับฉีดวัคซีนแล้วให้สวมหน้ากากอนามัยเสมอเมื่ออยู่ภายในอาคาร/สถานที่ปิดและในที่ สาธารณะในเขตที่มีการระบาดมากพอสมควรและเขตที่มีการระบาดสูงมากหรือเมื่อมีคนที่มีความเสี่ยงต่อการติดเชื้อและ การป่วยโควิด-19 ที่รุนแรงอยู่ในบริเวณเดียวกัน และผู้อำนวยการศูนย์ควบคุมและป้องกันโรค (ศ.วาเลนสกี้) ได้ชี้แจงเรื่อง นี้ให้แก่รัฐสภาสหรัฐอเมริกาทราบเมื่อวันที่ 29 กรกฎาคม ที่ผ่านมาก่อนหน้าการเผยแพร่แนวทางปฏิบัติที่ปรับปรุงใหม่ให้ แก่สาธารณชนทราบโดยอ้างอิงข้อมูลของการศึกษาดังกล่าวเป็นอย่างมาก

ศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคกำหนดนิยามของการระบาดมากพอสมควร (substantial transmission) ว่าหมายถึง เขตที่มีกรณีติดเชื้อ 50 ถึง 100 รายต่อประชากรที่อาศัยในเขตนั้น 100,000 คนในช่วง 7วัน และการระบาดสูงมากคือเขตที่มีกรณีติดเชื้อมากกว่า 100 รายต่อประชากรที่อาศัยในเขตนั้น 100,000 คนในช่วง 7 วัน[7]

แนวทางปฏิบัติเช่นนี้ย่อมทำให้การสื่อสารเกี่ยวกับวัคซีนมีปัญหาโดยเฉพาะกรณีคนที่ได้รับฉีดวัคซีนแล้วแต่ยังติด เชื้อได้อีกและยังสามารถแพร่เชื้อต่อไปได้ที่ย่อมทำให้สาธารณชนเกิดความไม่แน่ใจว่าวัคซีนใช้ได้ผลและเพิ่มความ ต้องการเกี่ยวกับการฉีดวัคซีนกระตุ้นซ้ำอีก นอกจากนั้นแล้วแนวทางปฏิบัติดังกล่าวทำให้บุคลากรทางการแพทย์จำนวน หนึ่งมีความกังวลว่าวัคซีนที่มีใช้กันอยู่ยังคงมีประสิทธิผลเพียงพอหรือไม่ด้วย

ข่าวใน The Washington Post (หมายเหตุ 2) เน้นว่าความท้าทายของศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคเกี่ยวกับ แนวทางปฏิบัติใหม่นี้รวมถึงงานที่ยากลำบากมากประการหนึ่งของศูนย์ฯคือการพยายามต่อไปในการสื่อสารกับ สาธารณชนถึงประสิทธิผลของวัคซีนโควิด-19 ที่มีใช้อยู่ที่ได้รับการพิสูจน์แล้วว่าสามารถป้องกันการป่วยโควิด-19 ที่ รุนแรงและการตายจากโควิด-19 ได้ดี และการติดเชื้อหลังจากที่ได้รับฉีดวัคซีนเป็นสิ่งท่ีเกิดขึ้นได้แต่อาจจะไม่ใช่เรื่องท่ีเกิด ขึ้นได้ยากเหมือนกับที่เชื่อกันมาก่อน และผู้ที่ได้รับฉีดวัคซีนแล้วและติดเชื้อสามารถแพร่เชื้อให้คนอื่นได้ด้วย ซึ่งโดยรวม แล้วหมายถึงว่าศูนย์ฯต้องย้ายหลักชัยชนะ[ของสงครามกับโควิด-19] ออกไปอีกภายใต้การเÅามองของสาธารณชน

ศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคตระหนักดีว่าความท้าทายในการสื่อสารที่สำคัญประการหนึ่งคือความไม่มั่นใจของ สาธารณชนต่อวัคซีนเพราะรายงานภายในที่กล่าวถึงเริ่มด้วยการระบุว่าสาธารณชนเชื่อว่าวัคซีนไม่มีผลแล้ว อย่างไรก็ตามแนวทางปฏิบัติเกี่ยวกับหน้ากากอนามัยฉบับล่าสุดยังอ่อนกว่าที่รายงานภายในแนะนำที่ระบุให้คน สวมหน้ากากอนามัยในทุกสถานการณ์และพื้นที่

การเปลี่ยนแปลงแนวทางปฏิบัติก่อนการเผยแพร่ข้อมูลที่เกี่ยวข้องเป็นสิ่งจำเป็น นักวิทยาศาสตร์ของศูนย์ฯคน หนึ่งที่ไม่ต้องการเปิดเผยชื่อกล่าวกับผู้สื่อข่าวของ The Washington Post ว่าการรอให้เปิดเผยข้อมูลก่อนนั้นอาจมีผลให้ คนจำนวนหนึ่งต้องทุกข์ทรมานโดยไม่จำเป็นซึ่งสำหรับผู้ที่ทำงานด้านสาธารณสุขแล้วเรื่องนี้เป็นสิ่งที่ยอมรับไม่ได้

แต่ ดร. แคทลีน ฮอลล์ เจมีสัน (Dr. Kathleen Hall Jamieson) ผู้อำนวยการศูนย์นโยบายสาธารณชนแอนเนน เบิร์ก (Annenberg Public Policy Center) ของมหาวิทยาลัยเพนซิลเวเนีย กล่าวว่าการเปลี่ยนแปลงแนวทางปฏิบัติเกี่ยว กับหน้ากากอนามัยก่อนที่จะเปิดเผยข้อมูลที่เกี่ยวข้องนั้นเป็นการละเมิดบรรทัดฐานทางวิทยาศาสตร์ (scientific norms) โดยเฉพาะในกรณีของเจ้าหน้าที่สาธารณสุข เธอกล่าวว่า “เจ้าหน้าที่สาธารณสุขไม่ควรพูดว่า ‘เชื่อเราเถอะเพราะเรารู้ แต่ เราบอกไม่ได้ว่าอย่างไร’ บรรทัดฐานทางวิทยาศาสตร์แนะนำว่าเมื่อเราออกคำแถลงที่ยึดหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ เราจะ ต้องแสดงหลักฐานทางวิทยาศาสตร์นั้น และข้อผิดพลาดประการที่สองของศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคคือดูเหมือนว่าพวก เขาไม่พูดอย่างตรงไปตรงมาเมื่อเอ่ยถึงกรณีการติดเชื้อหลังจากที่ได้รับฉีดวัคซีนแล้วที่ต้องเข้าโรงพยาบาล”

กรณีนี้ไม่ใช่ครั้งแรกที่ศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคออกแนวทางปฏิบัติเกี่ยวกับหน้ากากอนามัยที่นำไปสู่การโต้ แย้งเช่นนี้ เมื่อวันที่ 13 พฤษภาคมที่ผ่านมา ผู้อำนวยการศูนย์ควบคุมและป้องกันโรค (ศ. วาเลนสกี้) แถลงข่าวว่าผู้ที่ได้รับ ฉีดวัคซีนโควิด-19 ครบแล้วสามารถเข้าร่วมกิจกรรมกลางแจ้งหรือภายในสถานที่ได้โดยไม่ต้องใส่หน้ากากอนามัยหรือ เว้นระยะห่างระหว่างบุคคล แต่การให้ข่าวเช่นนั้นขัดแย้งกับแนวทางปฏิบัติที่ศูนย์ออกเมื่อสองอาทิตย์ก่อนหน้านั้นที่แนะนำ ให้ผู้คนมีความระมัดระวังตัวเกี่ยวกับการป้องกันการติดเชื้อซึ่งรวมถึงการแนะนำต่อผู้ที่ได้รับฉีดวัคซีนแล้วให้คงสวม หน้ากากอนามัยอยู่เสมอเมื่ออยู่ภายในอาคารและควรสวมหน้ากากอนามัยเมื่ออยู่กลางแจ้งในกิจกรรม/สถานที่ที่มีคน แออัด ซึ่งการแนะนำเช่นนั้นทำให้ศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคถูกกล่าวหาในขณะนั้นว่าระมัดระวังมากเกินไปและไม่ส่ง เสริมประโยชน์ของการฉีดวัคซีนเท่าที่ควร

เหตุการณ์เหล่านี้สะท้อนความจริงเกี่ยวกับความรู้ทางวิทยาศาสตร์ที่เกี่ยวกับโควิด-19 ท่ีเปลี่ยนแปลงอยู่เสมอซึ่ง นพ. แอนโทนี ฟาวชิ กล่าวว่าแนวทางปฏิบัติเกี่ยวกับหน้ากากอนามัยนี้แสดงถึงสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา และแนวทางปฏิบัติเป็นสิ่งที่วิวัฒนาการไปเรื่อยๆไม่ต่างไปจากเรื่องอื่นๆที่เกี่ยวกับการระบาดของโควิด-19

เอกสารภายในนี้ตอกย้ำสิ่งที่นักวิทยาศาสตร์และผู้เชี่ยวชาญจำนวนหนึ่งพูดมานานแล้วคือถึงเวลาแล้วที่จะต้อง เปลี่ยนวิธีคิดของผู้คนเกี่ยวกับโรคระบาดระดับโลกนี้

การรับรองของประธานาธิบดีไบเดนเกี่ยวกับฤดูร้อนของอิสรภาพจากโควิดและฤดูร้อนที่สุขสันต์ การระดมฉีด วัคซีนให้แก่ชาวอเมริกันได้เป็นจำนวนมาก การประกาศวันอิสรภาพของอังกฤษ และการที่หลายประเทศในยุโรปเริ่มผ่อน คลายมาตรการควบคุมโควิด-19 ย่อมทำให้ชาวอเมริกันจำนวนมากคิดว่าพวกเขากำลังจะหลุดพ้นจากโควิด-19 และออก จากป่าพงแล้ว แต่การพลิกกลับเกี่ยวกับการสวมหน้ากากอนามัยของศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคย่อมทำให้คนจำนวนมาก เกิดความสับสน และกระแสข่าวจากทั่วโลกที่แสดงว่าไวรัสผันแปรเดลต้าแพร่ระบาดได้ดีทำให้มันหลบหลีกการป้องกันของ วัคซีนได้ในระดับหนึ่งและการติดเชื้อที่ปะทุเพิ่มขึ้นในหลายประเทศทั่วโลกทำให้คนสับสนและกังวลมากขึ้น ฤดูร้อนที่ สุขสันต์จึงกลายเป็นฤดูร้อนที่สับสนและผิดหวังสำหรับชาวอเมริกันจำนวนมาก และความสับสนความกังวลคงไม่จำกัดแต่ เฉพาะชาวอเมริกันเท่านั้น ความรู้สึกดังกล่าวคงจะแพร่กระจายต่อไปในประเทศต่างๆด้วย ดังตัวอย่างล่าสุดเกี่ยวกับการ ฉีดวัคซีนเข็มที่สามเพื่อกระตุ้นภูมิคุ้มกันให้มากขึ้น ซึ่งถึงแม้ว่าผู้เชี่ยวชาญส่วนมากคิดว่าการฉีดวัคซีนเข็มที่สามยังไม่ จำเป็น แต่บริษัทวัคซีนเช่นไฟเซอร์และโมเดอร์นาเริ่มเตรียมการสำหรับการฉีดวัคซีนกระตุ้นเข็มที่สามไปแล้ว ส่วนประเทศ เยอรมนี ฝรั่งเศส และอิสราเอล ก็มีแผนที่จะฉีดวัคซีนเข็มที่สามให้แก่ประชาชนของตนแล้วเพื่อรับมือกับไวรัสผันแปรเดลต้า และไวรัสผันแปรอื่นๆที่จะโผล่ออกมาอีกในอนาคต ทำให้องค์การอนามัยโลกเรียกร้องให้ประเทศร่ำรวยต่างๆประกาศ ระงับการฉีดวัคซีนเข็มที่สามไว้ชั่วคราวก่อนจนกว่าโลกจะมีวัคซีนโควิด-19 เพียงพอสำหรับฉีดให้แก่คนที่จำเป็นต้องได้รับ ฉีดวัคซีน (เช่น คนสูงอายุ และบุคลากรทางการแพทย์) แล้วก่อน[8]

สิ่งที่ค่อนข้างแน่นอนคือชาวโลกคงต้องทำใจและยอมรับว่าโควิด-19 จะอยู่กับเราไปอีกอย่างน้อยหนึ่งหรือสองปี และมาตรการป้องกันการติดเชื้อและแพร่ระบาดต่างๆยังต้องคงไว้อย่างมีวินัยไม่ว่าการรณรงค์ฉีดวัคซีนจะก้าวหน้าไปเพียง ใดก็ตาม

_______________________________________________________________________

[1] จาก U.S. Reaches Biden’s 70% Vaccination Goal โดย Azi Paybarah เมื่อ 3 สิงหาคม 2564 ใน https://www.nytimes.com/live/2021/08/02/world/covid-delta-variant-vaccine

[2] จาก The war has changed: Internal CDC document urges new messaging, warns delta infections likely more severe โดย Yasmeen Abutaleb, Carolyn Y. Johnson และ Joel Achenbach เมื่อ 29 กรกฎาคม 2564 ใน https://www.washingtonpost.com/health/2021/07/29/cdc-mask-guidance/

[3] จาก US ‘not out of the woods yet’, says CDC chief, as Delta variant drives Covid surge – video เมื่อ 23 กรกฎาคม 2564 ใน https://www.theguardian.com/us-news/video/2021/jul/23/us-not-of-the-woods-yet-says-cdc-chief-as-delta-variant-drives-covid-surge-video

[4] ในสหราชอาณาจักร 87% ของประชากรได้ฉีดวัคซีนโควิด-19 ไปแล้วอย่างน้อย 1 เข็ม และ 68% ของประชากรได้ฉีดวัคซีนครบแล้ว 2 เข็ม แต่อัตรา การติดเชื้อยังเพิ่มขึ้นอยู่และรัฐบาลของสหราชอาณาจักรคาดว่าอัตราการติดเชื้อจะเพิ่มขึ้นถึง 10,000 รายต่อวันในเดือนสิงหาคม 2564 – จาก Freedom Day celebrated by revellers in England, with end of most COVID-19 restrictions โดย Samantha Hawley เมื่อ 20 กรกฎาคม 2564 ใน

https://www.abc.net.au/news/2021-07-20/how-uk-freedom-day-marks-end-of-covid-19-restrictions/100294668

[5] จาก In this summer of covid freedom, disease experts warn ‘The world needs a reality check’ โดย Joel Achenbach เมื่อ 17 กรกฎาคม

[6] จาก C.D.C. Internal Report Calls Delta Variant as Contagious as Chickenpox โดย Apoorva Mandavilli เมื่อ 30 กรกฎาคม 2564 ใน https://www.nytimes.com/2021/07/30/health/covid-cdc-delta-masks.html

[7] จาก CDC reverses indoor mask policy, saying fully vaccinated people and kids should wear them indoors โดย Berkeley Lovelace Jr. เมื่อ 28 กรกฎาคม 2564 ใน https://www.cnbc.com/2021/07/27/cdc-to-reverse-indoor-mask-policy-to-recommend-them-for-fully-vaccinated-people-in-covid-hot-spots.html

[8] จาก WHO calls for moratorium on administering Covid-19 booster shots โดย Helen Branswell เมื่อ 4 สิงหาคม 2564 ใน https://www.statnews.com/2021/08/04/who-calls-for-a-temporary-moratorium-on-administering-booster-shots-of-covid-19-vaccines/