บทความโดย อุดม ลิขิตวรรณวุฒิ
บทความของอิชฺชาน ทาโรร์ (Ishaan Tharoor) คอลัมนิสต์เกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศของ The Washington Post อธิบายถึงบทบาทของสหรัฐอเมริกาต่อกฏหมายต่อต้านเพศสัมพันธ์กับคนเพศเดียวกันของอูแกนดา ซึ่งพาดหัวว่า “ความ เกี่ยวดองของสหรัฐอเมริกากับร่างกฏหมาย ‘ฆ่าเกย์’ ของอูแกนดา ซึ่งมีเนื้อหาดังต่อไปนี้[1]
กระแสต่อต้านทั่วโลกต่อกฎหมายต่อต้านคนหลากหลายทางเพศฉบับใหม่ของยูกันดาซึ่งได้รับอนุมัติจากรัฐสภาของอูแกน ดาเมื่อวันอังคารนั้นรุนแรงมาก กฏหมายนี้ถูกมองว่าเป็นกฎหมายต่อต้านเพศสัมพันธ์ระหว่างคนเพศเดียวกันฉบับหนึ่งที่ รุนแรงที่สุดในโลก ร่างกฎหมายฉบับนี้ขยายขอบเขตของข้อจำกัดและบทลงโทษที่มีอยู่แล้วสำหรับการมีเพศสัมพันธ์กับคน เพศเดียวกัน และเอาผิดทางอาญากับการทำธุรกิจกับกลุ่มรณรงค์สำหรับสิทธิของคนหลากหลายทางเพศ และเรียกร้องให้มี การลงโทษประหารชีวิตสำหรับบางกรณีของเพศสัมพันธ์ของเกย์ที่กระทำโดย “ผู้กระทำความผิดต่อเนื่อง” กฎหมายกำลัง รอการลงนามของประธานาธิบดีโยเวรี มูเซเวนี (Yoweri Museveni) ซึ่งปกครองอูแกนดามาอย่างยาวนานแล้วผู้ซึ่งเมื่อ สัปดาห์ที่แล้วได้กล่าวถึงกลุ่มคนมีเพศสัมพันธ์กับคนเพศเดียวกันว่าเป็น “การเบี่ยงเบนไปจากปกติ”
เจ้าหน้าที่ของรัฐบาลประเทศอื่นๆกำลังเรียกร้องให้ประธานาธิบดี มูเซเวนี พิจารณาใหม่ “การผ่านร่างกฎหมายการเลือก ปฏิบัตินี้ – อาจเป็นเรื่องที่เลวร้ายที่สุดในโลก – เป็นเหตุการณ์ที่น่าหนักใจอย่างยิ่ง” โฟลเคอร์ เติร์ก (Volker Türk) ข้าหลวง ใหญ่ของกรรมาธิการสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ (UN High Commissioner for Human Rights) กล่าวในแถลงการณ์ เขากล่าวเสริมว่า “หากร่างกฎหมายนี้ได้รับการลงนามให้เป็นกฎหมาย มันจะทำให้เลสเบี้ยน เกย์ และไบเซ็กชวลในอูแกน ดากลายเป็นอาชญากรเพียงเพราะพวกเขามีตัวตนอยู่ เพียงเพราะเป็นคนที่พวกเขาเป็น มันอาจนำไปสู่อำนาจเด็ดขาดที่ทำ อะไรก็ได้ตามอำเภอใจในการละเมิดสิทธิมนุษยชนเกือบทั้งหมดอย่างเป็นระบบและเป็นการปลุกระดมผู้คนให้ต่อต้านซึ่งกัน และกัน”
สำนักข่าวซีเอ็นเอ็น (CNN) รายงานว่าลินดา โธมัส-กรีนฟิลด์ (Linda Thosmas-Greenfield) เอกอัครราชทูตสหรัฐอเมริกา ประจำสหประชาชาติ ได้พูดกับมูเซเวนีในสัปดาห์นี้ เพื่อแสดงความกังวลเป็นอย่างมากต่อกฎหมายดังกล่าว ส่วนแอนโทนี บลินเกน (Antony Blinken) รัฐมนตรีต่างประเทศของสหรัฐอเมริกาเตือนว่าร่างกฎหมายนี้ “บ่อนทำลายสิทธิมนุษยชนขั้น พื้นฐานของชาวยูกันดาทุกคน และอาจทำให้ความก้าวหน้าในการต่อสู้กับเอชไอวี/เอดส์ย้อนถอยหลังไปด้วย” ที่ทำเนียบ ขาว จอห์น เคอร์บี (John Kirby) โฆษกของสภาความมั่นคงแห่งชาติ (National Security Council) กล่าวว่า หากกฎหมาย ประกาศใช้ สภาความมั่นคงแห่งชาติจะต้อง “พิจารณา” การลงโทษทางเศรษฐกิจต่อยูกันดา และเสริมว่าจะเป็นเรื่อง “ไม่ดีจริงๆ” เนื่องจากความช่วยเหลือส่วนใหญ่ของสหรัฐอเมริกาต่ออูแกนดาที่มีประชากรเกือบ 50 ล้านคนเป็นความช่วยเหลือ ด้านสุขภาพ
แต่สิ่งที่ขัดแย้งกันคือสหรัฐอเมริกาเองก็มีบทบาทอีกอย่างหนึ่งในสถานการณ์นี้ด้วย ในขณะที่สมาชิกสภานิติบัญญัติAาย ขวาของพรรครีพับลิกันในรัฐต่างๆของสหรัฐอเมริกากำลังวางแผนเกี่ยวกับกฎหมายต่อต้านกลุ่ม LGBTQ ระลอกใหม่ กลุ่ม นักเคลื่อนไหวเพื่อให้คนเปลี่ยนศาสนาในสหรัฐอเมริกาได้ทำการรณรงค์ในหลายพื้นที่ของหลายประเทศในอาฟริกา เช่น ยูกันดา และหว่านเม็ดพันธ์ุสำหรับมาตรการที่เข้มงวดมากยิ่งขึ้นในพื้นที่นั้นๆ
ยูกันดาเป็นหนึ่งในอย่างน้อย 67 ประเทศที่ลงโทษทางอาญาสำหรับเพศสัมพันธ์ระหว่างคนเพศเดียวกัน เช่นเดียวกับอดีต อาณานิคมของอังกฤษอื่นๆในอาฟริกาตะวันออก อูแกนดาใช้กฎหมายของยุคอาณานิคมที่ถือว่าเพศสัมพันธ์กับคนเพศ เดียวกันเป็นความผิดที่ “ขัดต่อธรรมชาติ” และมีโทษถึงจำคุกตลอดชีวิต แต่ความเชื่ออย่างสุดขั้วและความคลั่งไคล้ที่อยู่ เบื้องหลังกฎหมายปัจจุบันแสดงให้เห็นถึงการพยายามทำอย่างเข้มข้นเพื่อให้เรื่องเกี่ยวกับสิทธิของกลุ่มคนหลากหลาย ทางเพศกลายเป็นประเด็นทางการเมืองของภูมิภาค ซึ่งนักวิเคราะห์และกลุ่มสิทธิชี้ให้เห็นถึงปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นพร้อมๆ กันในระดับภูมิภาคเกี่ยวกับการพูดชักจูงให้คนเลือกปฏิบัติและดำเนินการทางการเมืองเพื่อต่อต้านชุมชน LGBTQ
เมื่อต้นเดือนที่ผ่านมา ประธานาธิบดี เอวาริสเต เดชิเนียล (Evariste Ndayishimiye) ของประเทศบุรุนดี แนะนำให้เพื่อนร่วม ชาติของเขาให้ “สาปแช่งผู้ที่หมกมุ่นในเพศสัมพันธ์กับคนเพศเดียวกันเพราะพระเจ้าทนไม่ได้” และกล่าวว่าชุมชน LGBTQ “ต้องถูกเนรเทศและถูกปฏิบัติเหมือนกับหมาหัวเน่าในประเทศของเรา” การกล่าวของเขาเกิดขึ้นในช่วงเวลาที่คน 24 คนถูก เจ้าหน้าที่ท้องถิ่นตั้งข้อหา “พฤติกรรมรักร่วมเพศ” จากการเข้าร่วมสัมมนาที่จัดโดยองค์กรการกุศลด้านเอชไอวี/เอดส์
ในเคนยา นักการเมืองระดับสูงแสดงปฏิกิริยาด้วยความโกรธหลังจากที่ศาลสูงสุดของประเทศตัดสินยกเลิกคำร้องที่ห้าม ไม่ให้นักเคลื่อนไหวลงทะเบียนองค์กรสิทธิ LGBTQ เมื่อเร็วๆนี้ ประธานาธิบดี วิลเลียม รูโต (William Ruto) ใช้ช่วงเวลานั้น เพื่อย้ำว่ากฎหมายของเคนยาซึ่งยังคงลงโทษเพศสัมพันธ์ระหว่างคนเพศเดียวกันและห้ามการแต่งงานระหว่างเพศเดียวกัน นั้นยังไม่มีการเปลี่ยนแปลง “เป็นไปไม่ได้ที่ประเทศเคนยาของเราจะอนุญาตให้เพศเดียวกันแต่งงานได้” เขากล่าว “มันจะ เกิดขึ้นในประเทศอื่นๆแต่ไม่ใช่ในเคนยา”
ตามรายงานของสำนักข่าวฝรั่งเศส (Agence France-Presse) รัฐบาลของเคนยา ยูกันดา และแทนซาเนีย เริ่มรณรงค์เพื่อ ระงับความพยายามที่จะเผยแพร่ความตระหนักเกี่ยวกับชุมชน LGBTQ ในโรงเรียนของรัฐบาลในประเทศตน ฟาตมา คารุ เม (Fatma Karume) นักกฏหมายและนักเคลื่อนไหวชาวแทนซาเนียบอกกับสำนักข่าวฝรั่งเศสว่าทางการกำลังค้นหาแพะรับ บาปอย่างง่ายๆในช่วงเวลาที่ภูมิภาคอาฟริกากลางถูกปัญหาวิกฤตเศรษฐกิจครอบงำอยู่ เธอกล่าวว่า “พวกเขาต้องการใช้ ชนกลุ่มน้อยกลุ่มนี้เบี่ยงเบนความสนใจผู้คน”
การผลักดันของยูกันดาเพื่อลงโทษชนกลุ่มน้อยนี้มีประวัติศาสตร์อันยาวนาน นิฮา มาซิห์ (Niha Masih) ผู้สื่อข่าวของ The Washington Post กล่าวว่า “นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่รัฐบาลยูกันดาผลักดันให้มีกฎหมายที่รุนแรงต่อชาว LGBTQ…ร่างต่างๆของ กฎหมายนี้มีมาตั้งแต่ปี 2009 และในปี 2014 รัฐบาลของมูเซเวนีได้ผ่านกฎหมายที่คล้ายคลึงกัน ซึ่งกฎหมายฉบับแรกรวม ถึงโทษประหารชีวิตสำหรับผู้ที่มีเอชไอวี และสำหรับการมีเพศสัมพันธ์แบบเกย์กับผู้เยาว์ แต่ในที่สุดกฏหมายดังกล่าวถูก ศาลตัดสินว่าไม่ได้ดำเนินการตามกระบวนการของรัฐสภา”
ในช่วงของคลื่นแรกของกฎหมายนี้ บรรดาผู้สนับสนุนด้านสิทธิชี้ไปที่ความเกี่ยวข้องโดยตรงขององค์กรเผยแพร่ศาสนาของสหรัฐอเมริกาซึ่งหลายองค์การได้ทำงานในภูมิภาคนี้ของอาฟริกามาเป็นเวลานานแล้ว โดยเฉพาะอย่างยิ่งในยูกันดา กลุ่มคริสเตียนในสหรัฐอเมริกาได้ลงทุนหลายล้านดอลลาร์เพื่อสร้างโรงเรียนและสถานเลี้ยง เด็กกำพร้า แต่พวกเขาได้ทิ้งรอยประทับทางอุดมการณ์ที่ลึกซึ้งไว้ด้วย
“ชาวยูกันดาถูกทำให้กลายเป็นคนหัวรุนแรงที่เกลียดชังกลุ่มคน LGBTQ”
แฟรงก์ มูกิชา
ในปีคศ. 2020 เวปไซต์โอเพนดิมอคคราซิ (OpenDemocracy) ในลอนดอนพบว่าองค์กรทางศาสนาของอเมริกามากกว่า 20 องค์กรที่ส่งเสริมการต่อต้านสิทธิของ LGBTQ การทำแท้งอย่างปลอดภัย การเข้าถึงยาคุมกำเนิด และการศึกษาเรื่องเพศ อย่างรอบด้านโดยได้ใช้เงินอย่างน้อย 54 ล้านดอลลาร์ในส่งเสริมแนวความคิดเหล่านี้ในอาฟริกาตั้งแต่ปีคศ. 2007 เกือบ ครึ่งหนึ่งของจำนวนดังกล่าวถูกใช้เพื่อการส่งเสริมแนวความคิดอนุรักษ์นิยมในอูแกนดาซึ่งโดยส่วนใหญ่เป็นคริสเตียน เท่านั้นที่ผู้สนับสนุนทางศาสนาสนับสนุน “การบำบัดเพื่อเปลี่ยนรสนิยมทางเพศ” และโน้มน้าวให้คนเชื่อเกี่ยวกับเรื่องราว ความสำเร็จของคนที่เป็น “อดีตเกย์” (ที่สำนึกถึงความผิดพลาดของตนและกลับไปเป็นคนมีเพศสัมพันธ์กับคนต่างเพศอีก ครั้ง)
ในขณะที่ทัศนคติต่อต้าน LBGTQ มีมานานแล้วในประเทศต่างๆทั่วโลก สิ่งที่เกิดขึ้นในประเทศต่างๆ เช่น ยูกันดา เป็น เพียงหัวหอกของสงครามวัฒนธรรมAายขวาที่ใหญ่ออกไปอีกต่อเรื่องสิทธิและอัตลักษณ์ทางเพศ แฟรงก์ มูกิชา (Frank Mugisha) ผู้อำนวยการคนกลุ่มน้อยทางเพศของอูแกนดา (Sexual Minorities Uganda) ซึ่งเป็นองค์กรชั้นนำด้านสิทธิของ
LGBTQ ได้แสดงความคิดเห็นว่าในปีคศ. 2014 การวิพากษ์วิจารณ์ทางการเมืองเกี่ยวกับ “วาระเกย์ การสรรหาผู้คนเพื่อ อบรมให้เป็นคนรักร่วมเพศ” ไม่มีอย่างแพร่หลายก่อนปีคศ. 2009 หลังจากที่สกอตต์ ไลฟ์ลี่ (Scott Lively) บาทหลวงเผย แพร่ศาสนาอีแวนเจลิคัล และกลุ่มเพื่อนร่วมงานชาวอเมริกันบรรยายเกี่ยวกับความเชื่อที่ต่อต้านเกย์หลายครั้งในอูแกนดา ไลฟ์ลี่มีชื่อเสียงกระฉ่อนว่าเป็นคนที่เกลียดผู้มีความหลากหลายทางเพศมาก เขาได้พัฒนาทฤษฎีในช่วงทศวรรษที่ 1990 ว่า อดอล์ฟ ฮิตเลอร์ (Adolf Hitler) และผู้นำของนาซีคนอื่นๆเป็นเกย์ และรสนิยมทางเพศของพวกเขาได้นำไปสู่ความโหดร้าย ของการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ (Holocaust) ชาวยิวในสมัยสงครามโลกครั้งที่สอง
ในการปราศรัยต่อรัฐสภาของยูกันดา ไลฟ์ลี่เสนอว่าเพศสัมพันธ์กับคนเพศเดียวกันเป็น “โรค” ที่ถูกนำเข้าจากตะวันตกซึ่ง อาจแพร่กระจายไปยังเด็กๆของอูแกนดาได้ เคเรบ โอเคเรเก (Caleb Okereke) นักข่าวชาวไนจีเรียตั้งข้อสังเกตว่า “การแต่ง ความหมายใหม่ของเพศสัมพันธ์กับคนเพศเดียวกันให้คล้ายกับการมีเพศสัมพันธ์กับเด็ก ควบคู่ไปกับการใช้ภาษาที่ คล้ายคลึงกันอย่างแพร่หลาย มีวัตถุประสงค์เพื่อสร้างความชอบธรรมในการตอบสนองและการปราบปรามโดยรัฐบาลและ สถาบันต่างๆ”
กลวิธีที่คล้ายกันนี้กำลังปรากฏขึ้นในสหรัฐอเมริกา ซึ่งส่วนหนึ่งได้รับแรงกระตุ้นจากการระดมกำลังของกลุ่มศาสนาAาย ขวา สมาชิกสภานิติบัญญัติของพรรครีพับลิกันกำลังผลักดันการออกกฎหมายที่มีเป้าหมายไปที่สมาชิกของชุมชนคนข้าม เพศ โดยมองว่าพวกเขาเป็นคนหลอกหลวงเพราะเตรียมคนให้เป็นคนข้ามเพศและส่งเสริมการมีเพศสัมพันธ์กับเด็ก
สิ่งที่เกิดขึ้นในยูกันดาขณะนี้เป็นเดิมพันที่สูงมากขึ้นไปอีก ไม่ว่านานาประเทศจะคัดค้านอย่างไรก็ตาม ประธานาธิบดีมูเซ เวนีก็ได้รับเสียงสนับสนุนเป็นอย่างมากต่อการลงนามในกฎหมายใหม่ มูกิชาบอกกับสถานีวิทยุอังกฤษเมื่อวันพุธว่า “ชาว ยูกันดาถูกทำให้กลายเป็นคนหัวรุนแรงที่เกลียดชังกลุ่มคน LGBTQ”
นอกจากความเห็นของอิชฺชาน ทาโรร์ แล้ว สื่ออื่นๆได้กล่าวถึงอิทธิพลของกลุ่ม/องค์กรทางศาสนาAายขวาต่อการต่อ ต้านรังเกียจต่อ LGBTQ เช่นกัน ดังเช่น
Right Wing Watch ของสหรัฐอเมริกาที่รายงานว่า สตีฟ เทอร์ลีย์ (Steve Turley) ที่เป็นผู้สื่อข่าวที่คลั่งศาสนาแบบ อนุรักษ์นิยมสุดขั้วและมีแฟนติดตามข่าวของเขาใน Youtube เป็นจำนวนมาก พาดหัวข่าวของจดหมายข่าวของเขาที่เฉลิม ฉลองร่างกฏหมายต่อต้านเพศสัมพันธ์กับคนเพศเดียวกับของอูแกนดาว่า “อูแกนดาห้าม LGBT!!!” (Uganda BANS LGBT!!!) และระบุว่ากฏหมายใหม่นี้เป็นหลักฐานว่า “ยุคใหม่ของอนุรักษ์นิยมได้มาถึงแล้ว โลกกำลังก้าวเข้าสู่ยุคอนุรักษ์นิยมใหม่ที่โลกจะยึดมั่นกับจารีตประเพณีมากขึ้น และเป็นชาตินิยมมากขึ้น และจะเป็นโลกที่มีอารยธรรมมากขึ้น”[2] [3]
CANARY workers’ co-op จากอังกฤษ กล่าวว่า การแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับกระแสการรังเกียจคนมีเพศสัมพันธ์กับคน เพศเดียวกันในอาฟริกาจะไม่สมบูรณ์หากปราศจากข้อเท็จจริงสองประการคือ ประการแรก ความรังเกียจคนมีเพศสัมพันธ์ กับคนเพศเดียวกันที่เกิดขึ้นในทวีปอาฟริกาในปัจจุบันโดยมากแล้วเป็นผลพวงของการล่าอาณานิคมของยุโรป และ ประการที่สอง ความรู้สึกรังเกียจคนมีเพศสัมพันธ์กับคนเพศเดียวกันที่เกิดขึ้นใหม่ในอาฟริกาโดยตัวมันเองแล้วได้เชื้อเพลิง จากคริสเตียนอีแวนเจลิคัลของสหรัฐอเมริกา[4]
การรังเกียจ ความกลัว และการต่อต้านเพศสัมพันธ์ระหว่างคนเพศเดียวกันและกลุ่มคนความหลากหลายทางเพศไม่ใช่สิ่ง นำเข้าดังที่ผู้นำของอูแกนดา (และประเทศอื่นๆในภูมิภาคนั้น เช่น เคนยา) อ้าง ความหลากหลายทางเพศ เพศสัมพันธ์ ระหว่างคนเพศเดียวกันมีอยู่นานแล้วในอูแกนดา และประเทศอื่นๆทั่วโลกไม่ว่าจะเป็นชนชาติใด วัฒนธรรมหรือศาสนาใด ก็ตาม เพราะว่าเรื่องนี้เป็นธรรมชาติของมนุษย์ แต่การรังเกียจและการต่อต้านเพศสัมพันธ์ระหว่างคนเพศเดียวกันและ ชุมชนความหลากหลายทางเพศในอาฟริกาเป็นสิ่งนำเข้าโดยกลุ่มคนคลั่งไคล้ศาสนาในสหรัฐอเมริกาและยุโรป
การแก้ไขปัญหาในอาฟริกาจะไม่มีผลยั่งยืนหากละเลยต้นกำเนิดของปัญหาซึ่งเป็นเพียงส่วนหนึ่งของกระแสทางการเมือง ของหลายประเทศทั่วโลกที่เอนไปทางขวาหรืออนุรักษ์นิยมภายในช่วงหลายปีที่ผ่านมา การประณามรัฐบาลอูแกนดาและ มาตราการบีบบังคับทางเศรษฐกิจและการเมืองโดยรัฐบาลอื่นๆอาจถูกตีความได้ว่าเป็นการแก้ปัญหาแบบอาณานิคมสมัย ใหม่ และมาตราการเหล่านั้นย่อมจะมีผลกระทบทางลบต่อชาวอูแกนดาด้วยอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ซึ่งเป็นความจริงที่รัฐบาล ของประเทศทางตะวันตกหลายประเทศตระหนักดีและพยายามหาทางออกอยู่
_________________
[1] https://www.washingtonpost.com/world/2023/03/24/uganda-lgbtq-bill-united-states-republican-anti-gay-connection/
[2] Religious-Right Figure Steve Turley Celebrates Uganda Legislation Criminalizing Homosexuality โดย Peter Montgomery เมื่อ 27 มีนาคม 2566h ใน
[3] มีเวปไซต์ภาษาไทยหลายแห่งที่ชื่นชม สตีฟ เทอร์ลีย์ เช่น Thailan Vision <http://www.thailandvision.co/?p=17872> wikiFx < https:// www.wikifx.com/th/newsdetail/202012229524747423.html> และ The Truth < https://truthforyou.co/11861/>
[4] Homophobia in Uganda is a horrifying demonstration of colonialism and evangelism at work โดย Alex/Rose Cocker เมื่อ 27 มีนาคม 2566 ใน https://www.thecanary.co/global/world-analysis/2023/03/27/homophobia-in-uganda-is-a-horrifying-demonstration-of-colonialism-and-evangelism-at- work/