ไวรัสเอ็มพ็อกซ์ยังคงแพร่ระบาดในมนุษย์มากขึ้น
อุดม ลิขิตวรรณวุฒิ แปล
การวิเคราะห์ไวรัสเอ็มพ็อกซ์สายพันธุ์หนึ่งเอ (Ia) ที่แพร่ระบาดในอาฟริกากลางแสดงให้เห็นการกลายพันธุ์ทางพันธุกรรม ซึ่งบ่งชี้ถึงการแพร่ระบาดจากคนสู่คนอย่างต่อเนื่อง
จากการวิเคราะห์จีโนมของไวรัสที่ก่อให้เกิดโรคเอ็มพ็อกซ์ (mpox) พบว่ายังมีไวรัสอีกสายพันธุ์หนึ่งที่อาจแพร่ระบาดจากคนสู่คนได้อย่างง่ายดาย วิวัฒนาการดังกล่าวอาจทำให้ความพยายามในการหยุดยั้งการแพร่ระบาดของโรคเอ็มพ็อกซ์ในอาฟริกากลางซึ่งมีการติดเชื้อเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วในช่วงปีที่ผ่านมามีความซับซ้อนมากขึ้น และทำให้บรรดานักวิจัยต้องคิดหนักว่าอะไรคือปัจจัยที่ทำให้เกิดการระบาดเพิ่มขึ้นในปัจจุบัน
การค้นพบนี้บ่งชี้ว่าไวรัสสายพันธุ์ที่เรียกว่ากลุ่มหนึ่งเอ (clade Ia) กำลังแพร่ระบาดอย่างต่อเนื่องระหว่างคนต่อคนซึ่งอาจเป็นการระบาดทางการมีเพศสัมพันธ์ในการระบาดในเมืองกินชาซา (Kinshasa) เมืองหลวงของสาธารณรัฐประชาธิปไตยคองโก (DRC) ซึ่งก่อนหน้านี้พบว่าไวรัสสายพันธุ์นี้ในอาฟริกกลางส่วนมากเป็นการแพร่ระบาดจากสัตว์สู่คน
พลาซิด มบาลา (Placide Mbala) หัวหน้าแผนกระบาดวิทยาและสุขภาพระดับโลกของสถาบันวิจัยชีวการแพทย์แห่งชาติในกินชาซา ซึ่งเป็นนักวิจัยร่วมของการวิเคราะห์กล่าวว่า “เรารู้ดีว่าไวรัสมีวิวัฒนาการ เราเคยเห็นมาแล้วกับอีโบลา เราเคยเห็นมาแล้วกับโควิด และเราคาดว่าจะได้เห็นกับเอ็มพอกซ์ด้วย…เราไม่รู้แน่ว่าการปรับตัวเหล่านี้จะไปได้ไกลแค่ไหน และเรากำลังรวบรวมข้อมูลเพื่อทำความเข้าใจว่าวิวัฒนาการนี้เกิดขึ้นได้อย่างไร”
ผลการวิเคราะห์เบื้องต้นนี้ซึ่งยังไม่ผ่านการทบทวนโดยผู้เชี่ยวชาญ (peer-reviewed) ถูกเผยแพร่เมื่อวันที่ 22 ตุลาคม 2567 ในเวทีสนทนาเกี่ยวกับจีโนมทางระบาดวิทยาที่ชื่อว่า Virological
เอ็มพ็อกซ์มีความหลากหลาย
ไวรัสโรคเอ็มพ็อกซ์มี 4 สายพันธุ์ที่รู้จักกัน ได้แก่ กลุ่มหนึ่งเอ (Ia) กลุ่มหนึ่งบี (Ib) กลุ่มสองเอ (IIa) และ กลุ่มสองบี (IIb) (ดู “คู่มือฉบับย่อเกี่ยวกับสายพันธุ์ของไวรัสเอ็มพ็อกซ์” ด้านล่าง) ในอดีต ไวรัสกลุ่มหนึ่งมักพบในอาฟริกากลาง ส่วนไวรัสกลุ่มสองพบในอาฟริกาตะวันตก
ทั้งหมดนี้เปลี่ยนไปในช่วงกลางทศวรรษ 2010 เมื่อสายพันธุ์กลุ่มสองทำให้เกิดการระบาดในไนจีเรีย ในเวลานั้น นักวิจัยบางคนเสนอว่าสายพันธุ์ดังกล่าวอาจสามารถแพร่ระบาดได้ผ่านการมีเพศสัมพันธ์ ความเข้าใจที่ถ่องแท้ของนักวิจัยเหล่านั้นพิสูจน์ให้เห็นถึงการรู้ล่วงหน้า: ไวรัสสายพันธุ์ที่คล้ายกับกลุ่มสองที่เรียกว่ากลุ่มสองบี (IIb) ทำให้เกิดการระบาดของเอ็มพ็อกซ์ทั่วโลกในปีคศ. 2022 ซึ่งส่งผลให้มีผู้ติดเชื้อมากกว่า 90,000 คนและยังคงดำเนินต่อไปจนถึงปัจจุบันนี้
คู่มือฉบับย่อเกี่ยวกับสายพันธุ์ของไวรัสเอ็มพ็อกซ์
กลุ่มหนึ่งเอ (Clade Ia): สายพันธุ์ที่แพร่กระจายในอาฟริกากลางตั้งแต่มีการค้นพบไวรัสชนิดนี้ว่าสามารถแพร่เชื้อสู่คนได้ในปีคศ. 1970 การติดเชื้อส่วนใหญ่เกิดขึ้นในเด็ก และทราบกันดีว่าไวรัสชนิดนี้แพร่เชื้อจากสัตว์สู่คนเป็นหลักจนกระทั่งเมื่อไม่นานมานี้
กลุ่มหนึ่งบี (Clade Ib): สายพันธุ์ที่ก่อให้เกิดการระบาดในอาฟริกากลางเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วตั้งแต่มีการค้นพบในช่วงปลายปีคศ. 2023 และเป็นที่ทราบกันดีว่าสามารถแพร่เชื้อจากคนสู่คนได้ รวมถึงผ่านทางเพศสัมพันธ์
กลุ่มสองเอ (Clade IIa): เอ็มพ็อกซ์สายพันธุ์ที่ได้รับการศึกษาน้อยที่สุด โดยแพร่กระจายส่วนใหญ่ในกินี (Guinea) ไลบีเรีย (Liberia) และไอวอรี่โคสต์ หรือ โกตดิวัวร์ (Côte d’Ivoire) ช่องทางของการแพร่ระบาดยังไม่เป็นที่เข้าใจอย่างแท้จริง ไม่มีหลักฐานที่ยืนยันได้ของการแพร่เชื้อทางเพศสัมพันธ์ แต่มีแนวโน้มว่าการสัมผัสใกล้ชิดทุกรูปแบบมีส่วนทำให้ไวรัสแพร่กระจาย
กลุ่มสองบี (Clade IIb): สายพันธุ์ที่ทำให้เกิดการระบาดทั่วโลกในปีคศ. 2022 ซึ่งยังคงคุกรุ่นอยู่ ทราบกันดีว่าสามารถแพร่เชื้อจากคนสู่คนได้ รวมถึงผ่านทางเพศสัมพันธ์ ประชากรที่ได้รับผลกระทบมากที่สุดคือผู้ชายที่มีเพศสัมพันธ์กับผู้ชาย
ในขณะเดียวกัน ไวรัสกลุ่มหนึ่งได้ก่อให้เกิดการติดเชื้อแบบประปรายในผู้คนมานานกว่า 50 ปีแล้ว โดยส่วนใหญ่อยู่ในพื้นที่ชนบทของอาฟริกากลาง แต่ในช่วงปลายปีคศ. 2023 นักวิจัยได้ระบุการระบาดที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วในพื้นที่เขตเมืองที่มีประชากรหนาแน่นกว่าในภูมิภาคตะวันออกของสาธารณรัฐประชาธิปไตยคองโก ซึ่งส่งผลกระทบต่อผู้ให้บริการทางเพศอย่างไม่สมส่วน และบ่งชี้ว่าไวรัสสายพันธุ์นี้สามารถแพร่กระจายระหว่างผู้คนได้อย่างง่ายดายเช่นเดียวกับกลุ่มสองบี
การจัดลำดับจีโนมยืนยันว่าไวรัสกลายพันธุ์ที่ทำให้เกิดการระบาดนี้มีความแตกต่างจากไวรัสในกลุ่มหนึ่งอื่น ๆ ที่สำคัญหลายประการทำให้ผู้วิจัยตั้งชื่อไวรัสนี้ว่ากลุ่มหนึ่งบี (Ib) ไวรัสสายพันธุ์นี้ถูกตรวจพบในสหราชอาณาจักร สวีเดน ไทย อินเดีย เยอรมนี และประเทศในอาฟริกาอีก 6 ประเทศที่ไม่เคยรายงานการติดเชื้อเอ็มพ็อกซ์มาก่อน สาธารณรัฐ ประชาธิปไตยคองโกได้รับผลกระทบอย่างหนัก โดยประเทศนี้รายงานผู้ติดเชื้อที่ต้องสงสัยเกือบ 36,000 รายและผู้เสียชีวิตจากเอ็มพ็อกซ์มากกว่า 1,000 รายในปี 2024
แต่ในปัจจุบัน ประมาณหนึ่งปีหลังจากที่นักวิจัยตรวจพบการระบาดของเอ็มพ็อกซ์กลุ่มสองบีในคองโกตะวันออก ไวรัสเอ็มพ็อกซ์กลุ่มหนึ่งเอก็ยังทำให้เจ้าหน้าที่สาธารณสุขวิตกกังวลเช่นกัน ไวรัสกลุ่มหนึ่งเอนี้ยังคงเพิ่มขึ้นในภูมิภาคตะวันตกของคองโกและในเมืองกินชาซา โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การที่มีเชื้อเอ็มพ็อกซ์กลุ่มหนึ่งเอ และกลุ่มหนึ่งบีแพร่ระบาดในเมืองหลวงส่งผลกระทบต่อประชากร 17 ล้านคนที่อาศัยอยู่ที่นั่น และเพิ่มความเป็นไปได้ที่เชื้อกลุ่มหนึ่งจะแพร่กระจายไปทั่วโลกเนื่องจากกินชาซาเป็นศูนย์กลางการเดินทาง
สัญญาณของวิวัฒนาการ
เจ้าหน้าที่สาธารณสุขได้ใช้เครื่องมือจัดลำดับจีโนมเพื่อติดตามการระบาดของโรค ส่วนหนึ่งของความพยายามดังกล่าวเป็นการจัดลำดับของตัวอย่างของไวรัสที่เก็บจากการติดเชื้อในเมืองกินชาซาโดยมบาลาและเพื่อนร่วมงาน ในตัวอย่างไวรัสทั้งในกลุ่มหนึ่งเอ และกลุ่มหนึ่งบี นักวิจัยพบรูปแบบเฉพาะของการกลายพันธุ์ทางพันธุกรรมแบบตัวอักษรเดียว ซึ่งบ่งชี้ถึงการต่อสู้ที่กำลังเกิดขึ้นระหว่างระบบภูมิคุ้มกันของมนุษย์และไวรัส ซึ่งเป็นรูปแบบที่ไม่น่าจะเกิดขึ้น เว้นแต่จะมีการแพร่กระจายจากคนสู่คนอย่างต่อเนื่อง
อย่างไรก็ตาม รูปแบบดังกล่าวไม่ได้ปรากฏในรายงานที่เผยแพร่ในเวปไซท์ของการวิจัยก่อนการทบทวนโดยผู้เชี่ยวชาญ (หรือพรีปรินต์ – preprint) ในเดือนสิงหาคม ในการศึกษาครั้งนั้น ทีมได้จัดลำดับตัวอย่างไวรัสในกลุ่มหนึ่งเอที่เก็บรวบรวมระหว่างปีคศ. 2018 ถึง 2024 การที่นักวิจัยไม่พบรูปแบบดังกล่าว แสดงให้เห็นว่าอาจเป็นการพัฒนาที่เกิดขึ้นเมื่อไม่นานนี้ “เราไม่พบสัญญาณที่ชัดเจนของวิวัฒนาการ” ในพื้นที่ชนบทและที่มีการระบาดของโรคประจำถิ่นของสาธารณรัฐประชาธิปไตยคองโก เจสัน คินดราชุก (Jason Kindrachuk) นักไวรัสวิทยาจากมหาวิทยาลัยแมนิโทบาในวินนิเพก
(University of Manitoba in Winnipeg) ประเทศแคนาดา ซึ่งทำงานร่วมกับมบาลาและเป็นผู้ร่วมเขียนผลการศึกษาของพรีปรินต์ในเดือนสิงหาคม รวมถึงพรีปรินต์ในวารสารด้านไวรัสวิทยากล่าว “แต่ในกินชาซา ดูเหมือนว่าจะมีบางอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อนกำลังเกิดขึ้น”
กลุ่มหนึ่งเออาจมีความสามารถในการแพร่กระจายผ่านเพศสัมพันธ์ได้เช่นกัน นักวิจัยรายงานกรณีแรกที่น่าจะเป็นไปได้ของเอ็มพ็อกซ์กลุ่มหนึ่งเมื่อปีที่แล้ว และ คินดราชุกกล่าวว่าจะมีการตีพิมพ์เอกสารในลักษณะเดียวกันอีกฉบับในเร็ว ๆ นี้
เนื่องจากเอ็มพ็อกซ์กลุ่มหนึ่งแพร่ระบาดระหว่างสัตว์และผู้คนในสาธารณรัฐประชาธิปไตยคองโกมาตั้งแต่ปีคศ. 1970 คินดราชุกกล่าวเสริมว่าจะต้องตรวจสอบว่าทำไมเอ็มพ็อกซ์กลุ่มหนึ่งบีจึงปรากฏขึ้นอย่างกะทันหันในปีคศ. 2023 และทำไมกลุ่มหนึ่งเอจึงทำให้จำนวนผู้ติดเชื้อที่ตรวจพบเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา เขาถามว่า “เป็นเพราะเราเฝ้าระวังได้ดีขึ้นหรือเพราะเราใส่ใจกับปัญหาของเอ็มพ็อกซ์ในระดับชุมชนมากขึ้นหรือเปล่า หรือเป็นเพราะผู้คนย้ายที่อยู่มากขึ้นหลังจากการระบาดของโควิด-19 หรือเป็นเพราะการพึ่งพาของการทำมาหากินกับสัตว์ป่ามีเพิ่มมากขึ้นหรือเปล่า”
[คริสตีนา ฮัทสัน (Christina Hutson) นักจุลชีววิทยา (microbiologist) จากศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคของสหรัฐอเมริกาคิดว่าการแพร่ระบาดของเอ็มพ็อกซ์กลุ่มหนึ่งบีในสาธารณประชาธิปไตยคองโกเป็นเรื่องของความบังเอิญมากกว่าความแตกต่างด้านพันธุกรรมของไวรัส เธอกล่าวว่าปัจจัยที่ทำให้เกิดการระบาดดังกล่าวน่าจะเป็นปัจจัยด้านสภาพแวดล้อม[3]
นิเค นเด็มบิ (Nicaise Ndembi) นักไวรัสวิทยาจากศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคของอาฟริกาในกรุงแอดดิสอาบาบา (Addis Ababa) กล่าวว่าในขณะนี้ แผนการรณรงค์ฉีดวัคซีนเอ็มพ็อกซ์ครั้งแรกของทวีปนั้นไม่น่าจะเปลี่ยนแปลงไปเนื่องจากผลการค้นพบเหล่านี้ และเสริมว่าเจ้าหน้าที่สาธารณสุขได้จัดสรรวัคซีนให้กับภูมิภาคที่มีจำนวนผู้ติดเชื้อสูงกว่าแล้ว โดยไม่คำนึงถึงสายพันธุ์เฉพาะที่พบในพื้นที่นั้น
สหรัฐอเมริกาได้บริจาควัคซีนจินนีโอส (Jynneos) จำนวนหนึ่งล้านโด๊สให้แก่ประเทศในอาฟริกาที่ประสบกับการระบาดของเอ็มพ็อกซ์ ในขณะที่คนในสหรัฐอเมริกาที่จำเป็นต้องได้รับฉีดวัคซีนนี้จำนวนหนึ่งไม่สามารถเข้าถึงวัคซีนได้เพราะไม่สามารถที่จะจ่ายค่าวัคซีนได้ (หมายเหตุ 3)
ก่อนหน้าปีคศ. 2022 วัคซีนจินนีโอสมีให้ใช้ฟรีเพราะรัฐบาลสหรัฐอเมริกามีวัคซีนจินนีโอสสำรองไว้ในคลังจำนวนหนึ่ง แต่วัคซีนให้ฟรีนี้สิ้นสุดเมื่อเดือนเมษายนของปีนี้ (คศ. 2024) ซึ่งหลังจากนั้นผู้ที่ต้องการฉีดวัคซีนนี้จะต้องจ่ายเองนอกจากว่าบริษัทประกันสุขภาพที่มีอยู่จะยอมจ่ายค่าวัคซีนให้แก่ผู้มีประกันสุขภาพ แต่ในปัจจุบันบริษัทประกันสุขภาพส่วนมากของสหรัฐอเมริกายังไม่ยอมจ่ายค่าวัคซีนนี้ และบางบริษัทที่ยอมจ่ายแต่จะจ่ายเพียงเสี้ยวหนึ่งของค่าวัคซีนเท่านั้น และชายเกย์หรือชายที่มีเพศสัมพันธ์กับคนทั้งสองเพศจำนวนหนึ่งลังเลที่จะจ่ายส่วนเกินเพราะว่าพวกเขาไม่ได้เปิดเผยรสนิยมทางเพศของตนให้แก่ครอบครัว ส่วนคนอีกกลุ่มหนึ่งรวมทั้งผู้ที่มีเอชไอวีมักจะไม่มีประกันสุขภาพที่จะคุ้มครองเรื่องนี้ด้วย
วัคซีนจีนนีโอสในสหรัฐอเมริกามีราคาเกือบ 300 เหรียญ (10,097 บาท) ต่อโด๊สทำให้คลินิกหลายแห่งไม่สามารถแบกรับภาระค่าวัคซีนได้4 และยังไม่มีข้อบังคับให้บริษัทประกันสุขภาพของเอกชนจัดวัคซีนจีนนีโอสให้แก่ผู้ประกันจนกว่าจะถึงเดือนมกราคมปีคศ. 2025
ในอังกฤษมีรายงานเกี่ยวกับการติดเอ็มพ็อกซ์กลุ่มหนึ่งบีสองกรณี ทั้งสองกรณีเกี่ยวข้องกับกรณีเอ็มพ็อกซ์ในอังกฤษที่ได้รับรายงานเมื่ออาทิตย์ที่ผ่านมาซึ่งกรณีเอ็มพ็อกซ์รายใหม่สองรายนี้อยู่ในครอบครัวเดียวกันกับกรณีแรก ซึ่งก่อนหน้านั้นผู้ติดเชื้อกรณีแรกได้เดินทางไปยังประเทศที่เกิดการระบาดของเอ็มพ็อกซ์ในอาฟริกา ดังนั้นกรณีทั้งสามรายนี้ยังไม่ใช่เรื่องที่น่ากังวลมากเกินไป
_____________________________________
[1] Monkeypox virus keeps getting better at spreading among humans โดย Max Kozlov เมื่อ 30 ตุลาคม 2567 ใน https://www.nature.com/articles/ d41586-024-03531-x
[2] ผู้เขียน (Max Kozlov) ใช้คำว่า “ฝีดาษลิง” หรือ monkeypox ในพาดหัวข่าว แต่ในข่าวใช้คำว่าเอ็มพ็อกซ์ (mpox)
[3] Cost of Mpox Shot Deters Americans at Risk, Critics Say โดย Apoorva Mandavilli ใน https://www.nytimes.com/2024/11/04/health/mpox-vaccinecost-insurance.html]