การตัดสินใจที่ส่งผลให้โปลิโอกลับคืนมา

อุดม ลิขิตวรรณวุฒิ แปล

ความตั้งใจดีที่จะกำจัดโปลิโอให้หมดไปจากโลกเป็นการตัดสินใจร่วมขององค์กรและหน่วยงานด้านสุขภาพระดับโลกที่จะปรับปรุงการรณรงค์ฉีดวัคซีนโปลิโอโดยการเปลี่ยนวัคซีนป้องกันโปลิโอที่ใช้อยู่เดิมเป็นวัคซีนที่คาดกันว่าจะกำจัดโปลิโอกลายพันธ์ุที่เกิดจากวัคซีน (Vaccine-Derived Poliovirus หรือ VDPV) ที่เริ่มแพร่ระบาดในที่ต่างๆให้หมดไปซึ่งผู้เชี่ยวชาญเกี่ยวกับโปลิโอในขณะนั้นคิดว่าจะทำให้โลกสามารถกำจัดโปลิโอให้หมดสิ้นไปได้ แต่ความตั้งใจดังกล่าวกลับทำให้เกิดการระบาดของโปลิโอในหลายประเทศ

การตัดสินใจเปลี่ยนวัคซีนโปลิโอที่เรียกว่า The switch (เดอะสวิทช์) นั้นถูกประเมินว่าเป็นความล้มเหลวเต็มตัว ซึ่งรายงานเกี่ยวกับการรณรงค์ฉีดวัคซีนโปลิโอซึ่งโครงการความริเริ่มเพื่อกำจัดโปลิโอระดับโลก (Global Polio Eradication Initiative หรือ GPEI) มอบหมายให้ทำระบุว่าเดอะสวิทซ์เป็น “ความล้มเหลวอย่างเต็มที่” (unqualified failure)

การรณรงค์ให้วัคซีนโปลิโอเพื่อยับยั้งการระบาดของโปลิโอที่ฟื้นกลับมาอีกในประเทศไนจีเรีย ภาพโดย World Health Organization ใน Science

การตัดสินใจเปลี่ยนวัคซีนโปลิโอครั้งสำคัญทางประวัติศาสตร์ของการรณรงค์เพื่อกำจัดโปลิโอนี้เกิดขึ้นในปีคศ. 2016 ที่ก่อนหน้านั้นวัคซีนโปลิโอที่ให้ทางปากประกอบไปด้วยไวรัสโปลิโอสามสายพันธุ์ที่ถูกทำให้อ่อนฤทธิ์ลง[1]  วัคซีนดังกล่าวพัฒนาโดยนพ. อัลเบิร์ต เซบิน (Albert Sabin) วัคซีนที่ประกอบด้วยไวรัสสามสายพันธ์ุถูกออกแบบมาให้กระตุ้นภูมิคุ้มกันที่กว้างต่อไวรัสโปลิโอ เด็กที่ได้รับวัคซีนโปลิโอทางปากจะถ่ายไวรัสที่อ่อนฤทธิ์ทั้งสามสายพันธุ์ออกทางอุจจาระ

ภายในเวลาเพียง 2 อาทิตย์หลังการตัดสินใจเปลี่ยนวัคซีน 155 ประเทศและอาณาเขต (territories) เปลี่ยนไปใช้วัคซีนรุ่นใหม่ของวัคซีนโปลิโอที่ให้ทางปาก (Oral Polio Vaccine – OPV) เนื่องจากวัคซีนรุ่นดั้งเดิมที่พัฒนาโดยเซบินไม่สามารถป้องกันไวรัสโปลิโอสายพันธุ์หนึ่งของสามสายพันธุ์ที่ระบาดในที่ต่างๆทั่วโลกได้แล้ว เหตุผลในการตัดสินใจเปลี่ยนวัคซีนคือในขณะนั้นไวรัสโปลิโอสายพันธุ์สองที่พบตามธรรมชาติถูกกำจัดให้หมดไปจากโลกแล้ว แต่กรณีการติดโปลิโอสายพันธุ์สองที่ยังคงพบอยู่นั้นเกิดจากไวรัสโปลิโอที่ยังมีชีวิตอยู่แต่ถูกทำให้อ่อนฤทธิ์ลงที่เป็นองค์ประกอบหนึ่งของวัคซีนทางปาก[2] ความคิดในขณะนั้นคือหากตัดองค์ประกอบสำหรับไวรัสโปลิโอสายพันธุ์สองอ2 อกจากวัคซีนแล้ว กรณีการเป็นโปลิโอสายพันธุ์สองก็จะหมดไปด้วย[3] แต่สิ่งที่ไม่คาดคิดกันมาก่อนคือไวรัสโปลิโอสายพันธุ์สองที่เกิดจากวัคซีนยังคงแพร่ระบาดในประเทศต่างๆอยู่และทำให้เด็กมากกว่า 3,300 คนเป็นอัมพาต

ความริเริ่มเพื่อกำจัดโปลิโอระดับโลกได้ทุ่มเงินมากกว่า 1.8 พันล้านเหรียญสหรัฐอเมริกา (60 พันล้านบาท) เพื่อพยายามยุติการแพร่ระบาดเหล่านั้นซึ่งส่วนมากเกิดในอาฟริกา และคาดกันว่าจำนวน
เด็กที่เป็นโรคโปลิโอจะยังคงมีเพิ่มขึ้นเรื่อยๆจนกว่าความริเริ่มเพื่อกำจัดโปลิโอระดับโลกจะหาทางยุติการแพร่ระบาดที่โครงการทำให้เกิดขึ้นโดยไม่ตั้งใจได้

กรณีโรคโปลิโอล่าสุดที่ได้รับการกล่าวถึงมากเป็นกรณีที่เกิดในดินแดนกันชนกาซา (Gaza) ซึ่งเป็นกรณีที่เด็กเป็นอัมพาตจากโปลิโอรายแรกที่พบในพื้นที่ในระยะเวลา 25 ปีที่ผ่านมา การวิเคราะห์พันธุกรรมแสดงว่าไวรัสโปลิโอของกรณีนี้เริ่มต้นที่ประเทศไนจีเรียแล้วแพร่ต่อไปยังสาธารณชาด (Chad) ในปีคศ. 2019 ต่อไปยังประเทศซูดาน (Sudan) ในปี 2020 และปักหลักในประเทศอียิปต์ในพื้นที่ที่ไม่มีการฉีดวัคซีนโปลิโอของเมืองลักซอร์ (Luxor) และซีนายเหนือ (North Senai) ซึ่งอยู่ติดกับกาซา การติดโปลิโอของเด็กคนนี้ถือว่าเป็นผลที่ตามมาของการตัดสินใจเปลี่ยนวัคซีนโปลิโอ โดยเฉลี่ยเด็กที่ติดโปลิโอ 200 รายจะเป็นอัมพาตเพียง 1ราย ดังนั้นการที่เด็ก 1 คนในกาซาเป็นอัมพาตแสดงว่าการระบาดของโปลิโอในกาซานั้นแพร่กระจายไปมากแล้ว (จากหมายเหตุ 1)

ความล้มเหลวนี้ไม่ใช่เรื่องที่น่าแปลกใจสำหรับผู้ที่สนใจและติดตามการทำงานของความริเริ่มเพื่อกำจัดโปลิโอระดับโลก คิมเบอร์ลีย์ ทอมป์สัน (Kimbery Thompson) ผู้นำขององค์การสาธารณกุศล “คิดริสต์” (Kid Risk) กล่าวว่ารายงานดังกล่าวควรแก่เวลาแล้วเมื่อพิจารณาถึงความผิดพลาดทั้งด้านการบริหารและผู้นำของการตัดสินใจเปลี่ยนวัคซีนเมื่อปี 2016 ทีมผู้เขียนรายงานอธิบายว่าพวกเขาต้องการเรียกร้องความสนใจของความริเริ่มเพื่อกำจัดโปลิโอระดับโลกถึงผลที่เกิดขึ้นจากการเปลี่ยนวัคซีนเนื่องจากมีเด็กยากจนจำนวนมากในภูมิภาคที่เป็นอัมพาตเพราะโปลิโอ ทีมวิจัยเสริมว่าการเปลี่ยนวัคซีนโปลิโอเป็นเรื่องที่ทำได้ยาก และความล้มเหลวที่เกิดขึ้นเป็นตัวอย่างจากชีวิตจริงที่โลกต้องเรียนรู้เพื่อการทำงานต่อไปในอนาคต ผู้เขียนรายงานคนหนึ่งที่เป็นหัวหน้าของการวิจัยเกี่ยวกับโปลิโอของความริเริ่มเพื่อกำจัดโปลิโอระดับโลกจนถึงปีคศ. 2020 อธิบายว่ารายงานนี้จะทำให้ความริเริ่มเพื่อกำจัดโปลิโอระดับโลกตื่นขึ้น และเขายังคงคิดว่าการกำจัดโปลิโอให้หมดไปจากโลกยังเป็นสิ่งที่ทำได้อยู่

เอเดียน โอเลียรี (Aidan O’Leary) ผู้อำนวยการการกำจัดโปลิโอขององค์การอนามัยโลกกล่าวว่าสิ่งที่เดอะสวิทช์ (The switch) ต้องการคือการกำจัดโรคโปลิโอที่เกิดจากไวรัสโปลิโอสายพันธุ์สองที่เกิดจากวัคซีนให้เป็นศูนย์ ซึ่งยังทำไม่ได้ และสิ่งสำคัญคือเราจะทำอะไรกับโปลิโอที่กลับมาแพร่ระบาดอีก

วัคซีนโปลิโอที่ให้ทางปากทำมาจากไวรัสโปลิโอที่ยังมีชีวิตอยู่แต่ถูกทำให้อ่อนฤทธิ์ลงไม่สามารถขยายตัวเพิ่มขึ้นได้ในร่างกายและไม่ทำให้เกิดโรค วัคซีนโปลิโอชนิดนี้มีประสิทธิผลมากที่สุดในการกำจัดโปลิโอเพราะกระตุ้นให้เกิดภูมิคุ้มกันทั่วทั้งร่างกายและภูมิคุ้มกันที่ดีมากในลำไส้ซึ่งเป็นที่ไวรัสโปลิโออยู่ วัคซีนโปลิโอที่ให้ทางปากยังกระจายไปสู่อุจจาระของเด็กที่ได้รับวัคซีน ตั้งแต่เมื่อโครงการกำจัดโปลิโอเริ่มในปีคศ. 1988 กรณีโรคโปลิโอของโลกลดลงถึง 99.9% และสามารถป้องกันการเป็นอันพาตได้ถึง 20 ล้านราย (จากหมายเหตุ 1) แต่ในปัจจุบันยังพบไวรัสโปลิโอที่พบตามธรรมชาติ (wild poliovirus) อยู่ในประเทศปากีสถานและอัฟกานิสถานซึ่งในปี 2024 นี้มีเด็กที่เป็นอัมพาตจากโปลิโอที่พบตามธรรมชาติ 4 ราย

ในกรณีที่พบน้อยมาก วัคซีนโปลิโอที่ให้ทางปากที่ทำจากเชื้อเป็นที่อ่อนฤทธิ์สามารถฟื้นตัวและทำให้คนเป็นอัมพาตได้และแพร่ระบาดในกลุ่มเด็กที่เปราะบางทำให้กรณีโรคโปลิโอเพิ่มขึ้นอีกในที่ต่างๆที่อัตราการได้รับวัคซีนโปลิโอต่ำ ทำให้ความริเริ่มเพื่อกำจัดโปลิโอระดับโลกมีแผนที่จะยุติการใช้วัคซีนโปลิโอที่ให้ทางปากเมื่อไวรัสโปลิโอตามธรรมชาติถูกกำจัดไปแล้ว และแนะนำวัคซีนโปลิโอชนิดใหม่ที่เป็นวัคซีนแบบฉีดที่ทำจากไวรัสที่ตายแล้ว (inactivated virus หรือ IPV) ที่ไม่สามารถฟื้นกลับขึ้นมาใหม่ได้อีกสำหรับการฉีดวัคซีนโปลิโอเป็นประจำ (routine immunization) ของระบบสาธารณสุขการวางแผนสำหรับเดอะสวิทช์เริ่มหลังจากที่ไวรัสโปลิโอสายพันธุ์สองที่พบตามธรรมชาติถูกกำจัดจนหมดไปแล้ว แผนการเปลี่ยนวัคซีนโปลิโอนี้เป็นการประสานงานด้านสาธารณสุขที่ใหญ่ที่สุดของโลก ซึ่งเปรียบเสมือนการทดสอบสำหรับแผนการกำจัดโปลิโอให้หมดไป ในการเตรียมการความริเริ่มเพื่อกำจัดโปลิโอระดับโลกได้สำรองวัคซีนโปลิโอสำหรับไวรัสโปลิโอสายพันธ์ุสองแต่เพียงอย่างเดียว (monovalent vaccine) เพื่อเตรียมพร้อมสำหรับการติดโปลิโอสายพันธุ์สองที่คาดว่าจะเกิดเพิ่มขึ้นอย่างแน่นอน และความริเริ่มเพื่อกำจัดโปลิโอระดับโลกคิดว่ากรณีโรคโปลิโอจากไวรัสสายพันธุ์สองนี้จะมีไม่มากและจะสิ้นสุดภายในเวลาไม่กี่ปี และหลังจากนั้นโลกจะไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับไวรัสโปลิโอสายพันธุ์สองอีกต่อไป

บางประเทศสามารถกำจัดไวรัสโปลิโอสายพันธุ์สองดังที่คาดกัน แต่ในอาฟริกาไม่เป็นเช่นนั้น สิ่งที่คาดว่าจะเป็นกรณีที่เลวร้ายที่สุดกลายเป็นความจริงภายในเวลาไม่นาน การแพร่ระบาดของโปลิโอสายพันธุ์สองในที่ต่าง ๆ ในทวีปเกิดขึ้นอย่างรวดเร็วจนควบคุมไม่ได้เพราะจำนวนเด็กที่ไม่ได้รับฉีดวัคซีนโปลิโอสายพันธุ์สองในการฉีดวัคซีนเป็นประจำมีเพิ่มมากขึ้นภายในช่วงเวลา 3 – 4 ปีหลังจากการเปลี่ยนวัคซีน กรณีโรคโปลิโอเพิ่มจาก 84 รายใน 7 ประเทศเป็น 548 รายใน 21 ประเทศ และตั้งแต่ปีคศ. 2015 กรณีโรคโปลิโอเพิ่มขึ้นอีกประมาณ 10 เท่า

รายงานเกี่ยวกับการรณรงค์วัคซีนโปลิโอกล่าวว่าสาเหตุหนึ่ง เนื่องมาจากการรณรงค์ใช้วัคซีนโปลิโอสายพันธุ์สองแต่เพียงอย่างเดียวเพื่อตอบสนองต่อการระบาดที่เพิ่มขึ้นนั้นเริ่มช้าเกินไปและจำกัดอยู่ในบางพื้นที่เท่านั้น และมักจะไม่สามารถให้วัคซีนแก่เด็กที่เปราะบางในจำนวนที่มากพอได้ การระบาดเหล่านี้เกิดในพื้นที่ต่าง ๆ ที่อัตราการให้วัคซีนเป็นประจำนั้นต่ำอยู่แล้ว

กรณีโปลิโอสายพันธุ์สองที่เกิดจากวัคซีนที่ปะทุเพิ่มมากขึ้นหลังจากการ เปลี่ยนวัคซีนในปีคศ. 2016 เครื่องหมายลบด้านล่างกราฟหมายถึง จำนวนปีก่อนการเปลี่ยนวัคซีน เครื่องหมายบวกหมายถึงจำนวนปีหลัง การเปลี่ยนวันซีน และ “ปี” เริ่มจาก 1 พฤษภาคม ถึง 30 เมษายน

ในการตอบสนองต่อการระบาดที่หวนกลับมาใหม่นี้ ผู้เชี่ยวชาญจำนวนหนึ่งคิดว่าการใช้วัคซีนโปลิโอที่ให้ทางปากจะเป็นเครื่องมือที่ดีที่สุด วัคซีนโปลิโอแบบฉีดที่ใช้ไวรัสที่ตายแล้ว ซึ่งเป็นวัคซีนที่ริเริ่มเพื่อกำจัดโปลิโอระดับโลกตั้งใจจะใช้แทนวัคซีนทางปากนั้น สามารถป้องกันการเป็นอัมพาตได้ดีมากแต่ไม่สามารถป้องกันการแพร่เชื้อได้ดี และการบริหารจัดการเป็นเรื่องที่ยุ่งยากกว่าวัคซีนที่ให้ทางปากที่เพียงแต่หยดลงบนลิ้นสองหยดเท่านั้น ทำให้การให้วัคซีนทำได้ง่ายกว่า และกระตุ้นให้เกิดภูมิต้านทานได้อย่างรวดเร็วในลำไส้ที่เป็นส่วนที่ไวรัสโปลิโอขยายตัวเพิ่มจำนวน แต่ความริเริ่มเพื่อกำจัดโปลิโอระดับโลกมีความกังวลว่าการใช้วัคซีนทางปากอีกเท่ากับเป็นการเพิ่มโอกาสของการระบาดอื่น ๆ ต่อไปในอนาคต ยุทธศาสตร์ของความริเริ่มเพื่อกำจัดโปลิโอระดับโลกที่ต้องการใช้วัคซีนทางปากอย่างระมัดระวังสำหรับการแพร่ระบาดใหม่ในที่ต่างๆนี้ คิมเบอร์ลีย์ ทอมป์สันจากองค์กรคิดริสต์ (Kid Risk) คิดว่าเป็นความผิดพลาดที่สำคัญประการหนึ่ง

สาเหตุที่สำคัญอีกสาเหตุหนึ่งที่รายงานระบุคือผู้นำของความริเริ่มเพื่อกำจัดโปลิโอระดับโลกไม่มีความสามารถหรือไม่เต็มใจที่จะยอมรับถึงความรุนแรงของปัญหาที่กำลังเกิดขึ้นและดำเนินการแก้ไขปัญหาอย่างเหมาะสม ตัวอย่างของสาเหตุนี้ที่รายงานระบุคือการประเมินผลของการเปลี่ยนวัคซีนถูกมอบหมายเมื่อเดือนสิงหาคม คศ. 2023 ซึ่งนับเป็นเวลามากกว่า 7 ปีหลังจากการตัดสินใจเปลี่ยนวัคซีน หากการประเมินดำเนินการในปีที่สามหลังจากการเปลี่ยนวัคซีน โครงการเปลี่ยนวัคซีนยังจะมีเวลาพอในการปรับปรุงโครงการให้ดีขึ้นได้

สาเหตุสำคัญอีกประการคือความริเริ่มเพื่อกำจัดโปลิโอระดับโลกพิจารณว่าไวรัสโปลิโอที่เกิดจากวัคซีนนั้นมีความรุนแรงน้อยกว่าไวรัสโปลิโอที่พบตามธรรมชาติ หรือไวรัสโปลิโอที่พบตามธรรมชาติมีความสำคัญเหนือกว่าไวรัสโปลิโอที่เกิดจากวัคซีนแม้ว่าไวรัสทั้งสองเหมือนกันทั้งในด้านชีวศาสตร์และด้านโรคระบาด นพ. โรแลนด์ ซัดเตอร์ (Dr. Roland Sutter) กล่าวว่ามีไวรัสโปลิโอเพียงอย่างเดียวเท่านั้นคือไวรัสโปลิโอที่ทำให้เด็กเป็นอัมพาต และอธิบายเสริมว่าในปีคศ. 2022 เมื่อไวรัสโปลิโอสายพันธุ์ 1 ที่พบตามธรรมชาติระบาดจากปากีสถานและกระโดดข้ามไปยังประเทศมาลาวีและโมซัมปิกในอาฟริกา ความริเริ่มเพื่อกำจัดโปลิโอระดับโลกตอบสนองอย่างรวดเร็วและทำให้การระบาดยุติได้อย่างรวดเร็ว หากความริเริ่มเพื่อกำจัดโปลิโอระดับโลกตอบสนองต่อการระบาดของโปลิโอสายพันธุ์ 2 ในทำนองเดียวกัน โลกก็จะสามารถหลีกเลี่ยงสถานการณ์ในปัจจุบันได้

ในรายงานแนะนำว่าสิ่งที่ต้องทำต่อไปคือการยุติการระบาดที่กำลังเกิดขึ้นในปัจจุบัน การตอบสนองต่อการระบาดที่มีขอบเขตกว้างขึ้นและเร็วขึ้น และการใช้วัคซีนโปลิโอสายพันธุ์ 2 รุ่นใหม่ที่มีโอกาสที่จะนำไปสู่การเป็นโปลิโอน้อยกว่า รวมถึงวัคซีนโปลิโออื่น ๆ ที่กำลังอยู่ในการพัฒนาด้วย รายงานยังเรียกร้องให้ใช้วัคซีนโปลิโอที่ทำจากไวรัสที่ตายแล้วซึ่งถีงแม้ว่าจะไม่หยุดการแพร่เชื้อต่อไปได้แต่ป้องกันการเป็นอัมพาตได้ในการฉีดวัคซีนเป็นประจำและในการควบคุมการระบาดด้วย นอกจากนั้นแล้วการฉีดวัคซีนกระตุ้นเป็นระยะในประชากรที่เปราะบางก็เป็นเรื่องที่สำคัญมากเช่นกัน

สำหรับการหยุดใช้วัคซีนโปลิโอที่ให้ทางปากในอนาคตนั้น รายงานกล่าวว่าบทเรียนจากการเปลี่ยนวัคซีนยังคลุมเครืออยู่การเปลี่ยนวัคซีนนั้นไม่ควรทำจนกว่าความริเริ่มเพื่อกำจัดโปลิโอระดับโลกจะสามารถกำจัดไวรัสโปลิโอที่พบตามธรรมชาติได้จนหมดสิ้น และจนกว่าการแพร่ระบาดของโปลิโอที่เกิดจากวัคซีนจะถูกกำจัดไปด้วยเช่นกัน

เรื่องที่ผิดปกติสำหรับรายงานการประเมินผลด้านเทคนิคคือคณะผู้เขียนให้ข้อคิดทางคุณธรรมแก่ภาคีต่าง ๆ ของความริเริ่มเพื่อกำจัดโปลิโอระดับโลกว่าเป็นเรื่องจำเป็นทางคุณธรรม (moral imperative) สำหรับภาคีของความริเริ่มเพื่อกำจัดโปลิโอระดับโลกในการให้การศึกษาและการบำบัดฟื้นฟูที่เพิ่มมากขึ้นกว่าที่เป็นอยู่แก่เด็กที่เป็นอัมพาตเนื่องจากไวรัสโปลิโอสายพันธุ์ 2 ที่เกิดจากวัคซีน และคณะผู้เขียนเรียกร้องให้ความริเริ่มเพื่อกำจัดโปลิโอระดับโลกพิจารณาอย่างจริงจังเกี่ยวกับการลดความเสี่ยงและอันตรายต่างๆต่อเจ้าหน้าที่ฉีดวัคซีนโปลิโอและเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยของเจ้าหน้าที่ฉีดวัคซีนด้วย ซึ่งเจ้าหน้าที่ทั้งสองกลุ่มนี้จำนวนมากกว่า 100 คนถูกลอบสังหารภายในช่วงเวลาสิบสองปีที่ผ่านมา ซึ่งส่วนมากเกิดในปากีสถาน และยืนยันว่าครอบครัวของเจ้าหน้าที่ทั้งสองกลุ่มนี้ได้รับการชดเชยที่เหมาะสมด้วย คณะผู้เขียนกล่าวว่าหากความพยายามในการกำจัดโปลิโอใช้เวลานานออกไป จำนวนคนที่ถูกสังหารย่อมจะมีเพิ่มมากขึ้นด้วย

คณะกรรมการยุทธศาสตร์ของความริเริ่มเพื่อกำจัดโปลิโอระดับโลกประกอบด้วยตัวแทนขององค์กรต่าง ๆ ที่เป็นภาคีหลักของความริเริ่มเพื่อกำจัดโปลิโอระดับโลก ซึ่งรวมถึงองค์การอนามัยโลก ยูนิเซฟ (UNICEF) ศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคของสหรัฐอเมริกา (U.S. Centers for Disease Control and Prevention) โรตารีสากล (Rotary International) มูลนิธิบิลและเมลินดา เกตส์ (Bill & Melinda Gates Foundation) และ เครือข่ายวัคซีนกาวี (GAVI, the Vaccine Alliance) และการตัดสินใจของคณะกรรมการเป็นการยอมรับแบบเอกฉันท์

การป้องกันการแพร่ระบาดของโปลิโอในกาซานั้นซับซ้อนมากขึ้นไปอีกเพราะการฉีดวัคซีนให้แก่เด็กจำนวนหลายแสนคนอย่างเร่งด่วนในพื้นที่สงครามที่แทบทุกอย่างเสียหายจากการสู้รบรวมถึงโรงพยาบาลต่าง ๆ เป็นเรื่องที่ยากมาก และสภาพแวดล้อมเช่นนี้เป็นสภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อการระบาดของไวรัสโปลิโอเป็นอย่างมาก จึงไม่เป็นที่แน่นอนว่าการควบคุมการระบาดของโปลิโอในกาซาและปาเลสไตน์ทั้งหมดจะเป็นไปได้หรือไม่

ผู้อำนวยการการกำจัดโปลิโอขององค์การอนามัยโลก (โอเลียรี) อธิบายว่ารายงานดังกล่าวยังเป็นเพียงแค่ร่างรายงานความริเริ่มเพื่อกำจัดโปลิโอระดับโลกจะปรึกษากับกลุ่มผู้บริหารและควบคุมตรวจสอบ รวมถึงผู้เชี่ยวชาญภายนอก และสมาชิกขององค์การอนามัยโลกว่าจะยุติการใช้วัคซีนโปลิโอที่ให้ทางปากที่ผนวกบทเรียนจากเดอะสวิทช์ได้อย่างไร การตัดสินใจดังกล่าวคาดว่าจะเกิดขึ้นในต้นปีคศ. 2025

_______________________________________

[1] ไวรัสโปลิโอที่พบตามธรรมชาติมีสามสายพันธุ์ได้แก่ ไวรัสโปลิโอสายพันธุ์ 1 พบอยู่เสมอในประเทศปากีสถาน และ อัฟกานิสถาน ไวรัสโปลิโอสายพันธุ์ 2 มีรายงานการติดโปลิโอสายพันธุ์นี้ครั้งสุดท้ายเมื่อปีคศ. 1999 และถือว่าถูกกำจัดจนหมดสิ้นไปแล้วในเดือนกันยายน คศ. 2015  และไวรัสโปลิโอสาย พันธุ์ 3 ถูกกำจัดจนหมดไปในเดือนตุลาคม คศ. 2019 จาก The Pivotal Decision That Led to a Resurgence of Polio โดย Apoorva Mandavilli เมื่อ 7 สิงหาคม 2567 ใน https://www.nytimes.com/2024/09/07/health/polio-vaccine-gaza-children.html

[2] เมื่อไวรัสโปลิโอสายพันธุ์สองที่เกิดจากวัคซีนแพร่ระบาดในกลุ่มเด็กที่ไม่ได้รับวัคซีนโปลิโอ ในบางครั้งไวรัสจะเกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างช้าๆที่ทำให้ ฤทธิ์ของมันฟื้นกลับเหมือนเดิมและสามารถทำให้เด็กที่ติดเชื้อเป็นอัมพาตได้ แต่โอกาสเช่นนี้ต่ำมาก เกิดขึ้นประมาณ 1 ครั้งในทุกๆ 2.7 ล้านโด๊สของ วัคซีน

[3] ‘Unqualified failure’ in polio vaccine policy left thousands of kids paralyzed โดย Leslie Roberts เมื่อ 7 พฤษภาคม 2567 ใน https://www.science.org/ content/article/unqualified-failure-polio-vaccine-policy-left-thousands-kids-paralyzed