ยาต้านไวรัสฉุกเฉินช่วยยุติการระบาดของเอชไอวีได้
ตอนนี้เราทุกคนรู้ดีว่าไม่มีวิธีแก้ไขปัญหาเอชไอวี/เอดส์เพียงวิธีเดียวที่ใช้ได้สำหรับทุกกรณี
หากเราตั้งใจจริงที่จะยุติเรื่องที่ซับซ้อนเช่นโรคระบาดที่กินเวลานานกว่า 40 ปีมาแล้ว เราก็ควรขยายการผลักดันของพวกเราสำหรับเพร็พหรือการป้องกันก่อนการสัมผัสเชื้อที่ทำด้วยความตั้งใจที่ดีของพวกเราโดยเน้นถึงเพ็พหรือการป้องกันหลังสัมผัสโรคด้วย ซึ่งเพ็พเป็นวิธีการป้องกันที่มักถูกละเลยไปโดยเปล่าประโยชน์ที่อาจส่งผลเสียต่อผู้ที่ต้องการและอยากใช้มัน
เหตุใดเพ็พจึงไม่ปรากฏให้เห็นเลยในโครงการป้องกันเอชไอวีไม่เพียงแต่ในเคนยาที่เราอยู่และทำงานเท่านั้น แต่ยังรวมถึงในภูมิภาคอาฟริกาขององค์การอนามัยโลกด้วย โดยที่ภูมิภาคนี้มีผู้ติดเอชไอวี 25.6 ล้านคนในปีคศ. 2022 และคิดเป็น 50% ของผู้ติดเอชไอวีรายใหม่ของทั่วโลก
คำตอบประการหนึ่งก็คือ หลายคนไม่สามารถทนต่อเพ็พที่ใช้กันในสมัยก่อนหน้านี้ได้ การป้องกันนี้ส่วนใหญ่ใช้ในกรณีฉุกเฉินโดยเจ้าหน้าที่สาธารณสุขที่สัมผัสเชื้อจากการถูกเข็มทิ่มหรือผู้ที่ถูกข่มขืนที่เข้ารับการรักษาในสถานพยาบาล เมื่อเพ็พได้รับการปรับปรุงเพื่อลดผลข้างเคียงแล้ว วิธีการป้องกันวิธีใหม่ที่ใช้ก่อนที่จะสัมผัสกับเอชไอวี หรือเพร็พ ก็มีให้ใช้แล้ว
นับตั้งแต่ที่องค์การอนามัยโลกอนุมัติให้ใช้เพร็พในปีคศ. 2015 เพร็พให้คำมั่นสัญญาว่าจะสามารถกำจัดการติดเอชไอวีรายใหม่ได้เกือบทั้งหมด หากเพร็พมีให้แก่ทุกคนที่ต้องการใช้มันและใช้ได้อย่างถูกต้อง เพร็พกลายเป็นสิ่งเดียวที่ทุกคนพูดถึง แต่เราอยากจะหันมาให้ความสนใจแก่เพ็พที่ใช้กันมานานหลายสิบปีแล้วด้วย ซึ่งต้องกินยาทันทีภายใน 72 ชั่วโมงหลังจากสัมผัสเชื้อ หลังจากที่รู้ผลการตรวจเอชไอวีเป็นลบแล้ว
ปัญหาหนึ่งที่เราพบคือ เมื่อบุคคลต้องการเพ็พเนื่องจากมีเพศสัมพันธ์แบบเสี่ยงที่ไม่ได้ป้องกัน พวกเขาจะถูกตัดสินทางคุณธรรมจากผู้ให้บริการด้านการแพทย์ แนวคิดคือ “หากคุณจะมีเพศสัมพันธ์และอาจมีความเสี่ยงต่อการติดเอชไอวี คุณควรกินเพร็พทุกวัน และป้องกันตัวเองก่อนที่จะสัมผัสกับเอชไอวี ไม่ใช่หลังจากที่สัมผัสกับเชื้อแล้ว”
เรารู้จักผู้ให้บริการด้านการดูแลสุขภาพที่ให้คำแนะนำแก่ผู้ใช้บริการด้วยความตั้งใจที่ดีให้มองข้ามความเป็นจริงที่เกิดขึ้น “โอ๋ ลืมไป” เพื่อหลีกเลี่ยงการเทศนาสั่งสอนที่ไม่เคารพผู้อื่น แต่เราไม่คิดว่านั่นจะเป็นการแก้ไขปัญหา การทำให้เพ็พเป็นสิ่งที่เข้าถึงได้โดยที่ไม่มีค่าใช้จ่ายเป็นทางออกที่ดี การผลักดันของแพทย์และผู้กำหนดนโยบายคือการใช้เพร็พ อย่างไรก็ตามการวิเคราะห์เบื้องต้นจากการศึกษานำร่องที่ดำเนินการอยู่ซึ่งได้รับทุนจากมูลนิธิเกตส์แสดงให้เห็นว่า ในแต่ละคนที่มีสถานการณ์บ่งชี้ว่าได้เริ่มใช้เพร็พผ่านร้านขายยาออนไลน์ จริงๆแล้วมีแปดคนที่ต้องใช้เพ็พเนื่องจากอาจสัมผัสกับเอชไอวีเมื่อไม่นานนี้ และในแต่ละคนที่ต้องการใช้เพร็พจากร้านขายยาทั่วไป มีสองคนที่จำเป็นต้องใช้เพ็พ
เรื่องที่พบนี้เป็นเรื่องที่น่าประหลาดใจและเป็นการเตือนใจที่ชัดเจนว่าพฤติกรรมของมนุษย์มักขัดต่อหลักวิทยาศาสตร์การป้องกันที่ดีที่สุด และคำแนะนำด้านสาธารณสุข
ที่จริงแล้ว ในตอนแรกการวิจัยไม่ได้เกี่ยวข้องกับเพ็พเลย แต่มีวัตถุประสงค์เพื่อทดสอบว่าการขยายการเข้าถึงเพร็พจะมีความเป็นไปได้และมีประสิทธิภาพเพียงใด เพื่อหลีกเลี่ยงอุปสรรคที่ทราบกันดีและปรับปรุงมาตรฐานการดูแล การออกแบบการศึกษาจึงทำให้เพร็พมีจำหน่ายผ่านร้านขายยาทั้งทางออนไลน์และหน้าร้าน ซึ่งไม่ใช่รูปแบบที่ให้บริการเพร็พเป็นประจำ ในระหว่างการวิจัย ผู้คนไม่จำเป็นต้องไปที่สถานพยาบาลของรัฐ/คลินิกรักษาเอชไอวี ซึ่งเป็นสถานที่ที่ผู้ใช้เพร็พมักรู้สึกว่าถูกตีตรา
ความจริงที่ว่าคนจำนวนมากต้องการเพ็พ ทำให้เราต้องเถียงว่าถึงเวลาแล้วที่จะต้องหยุดลดความสำคัญของเพ็พที่เสมือนกับญาติที่น่าสงสารของเพร็พ และมอบสถานะที่โดดเด่นให้กับเพ็พในบรรดายุทธศาสตร์การป้องกันเอชไอวีหลาย ๆ ยุทธศาสตร์ที่จำเป็นต้องเข้าถึงได้ง่ายและราคาไม่แพง
ความคล้ายคลึงกับการวางแผนครอบครัวนั้นไม่อาจปฏิเสธได้ กุญแจสำคัญในการบรรลุเป้าหมายระดับชาติและระดับโลก คือการจัดเตรียมวิธีการต่างๆที่หลากหลาย โดยมีเป้าหมายว่าจะต้องมีบางอย่างในตะกร้านั้นที่ดึงดูดใจและได้ผลสำหรับบางคนที่มีความต้องการและความชอบที่เฉพาะเจาะจง
เมื่อเราพิจารณาถึงสาเหตุที่เป้าหมายของเพร็พไม่บรรลุผล เราจำเป็นต้องพิจารณาอย่างจริงจังถึงลูกค้าที่เข้าร่วมการศึกษาของเราซึ่งจำเป็นต้องใช้เพ็พหลังจากกินยาครบ 28 วัน เราได้สอบถามพวกเขาเกี่ยวกับความเสี่ยงที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง: พวกเขาจะได้รับประโยชน์จากเพร็พหรือไม่ หากคำตอบคือใช่ เราได้ให้คำปรึกษาพวกเขาและพบว่าเหตุใดหลาย ๆ คนจึงยังไม่เต็มใจที่จะเริ่มใช้เพร็พ แม้ว่าจะเป็นบริการฟรีที่ร้านขายยาและในชุมชน แทนที่จะเป็นในสถานพยาบาลเท่านั้น
การใช้เพ็พเป็นการกินยาทุกวันเป็นเวลา 28 วันหลังจากสัมผัสโรค ในขณะที่เพร็พต้องกินยาเป็นประจำทุกวันตลอดช่วงที่มีความเสี่ยงอย่างต่อเนื่อง การกำหนดระยะเวลาดังกล่าวอาจทำได้ยากและอาจหมายถึง[การกินยา]ตลอดชีวิต ดังนั้นบางคนจึงรู้สึกกังวลเกินไปที่จะใช้เพร็พ
ความจริงก็คือ ผู้คนมักไม่รู้สึกว่าตนเองมีความเสี่ยงอย่างต่อเนื่อง แม้ว่าจะมีความเสี่ยงอยู่ก็ตาม ซึ่งทำให้เพร็พกลายเป็นสินค้าที่ขายยากเมื่อเทียบกับเพ็พ เนื่องจากเพ็พช่วยแก้ไขปัญหาของเรื่องที่เกิดขึ้นแล้ว นั่นคือความเสี่ยงที่ทราบกันดีของการติดเอชไอวีที่ปฏิเสธไม่ได้
แม้ว่าเราจะตื่นเต้นที่ทางเลือกเพร็พที่ออกฤทธิ์ยาวมีให้เลือกใช้อย่างแพร่หลายมากขึ้นในรูปแบบของยาฉีดและห่วงสอดช่องคลอด แต่ทางเลือกเหล่านั้น เช่นเพร็พแบบกินนั้นจะต้องเริ่มใช้ก่อนที่จะสัมผัสเชื้อ และอาจไม่ดึงดูดผู้ที่ไม่เต็มใจหรือไม่สามารถยอมรับได้ว่าตนอาจสัมผัสกับเอชไอวี
ด้วยเหตุผลเหล่านี้ จึงต้องนำเสนอทางเลือกด้านบริการใหม่ ๆ และทางเลือกที่ผ่านการพิสูจน์แล้วให้กับผู้ใช้บริการ การให้บริการที่แตกต่างกันนั้นมีความสำคัญเป็นอย่างยิ่ง โดยทำให้เพร็พและเพ็พมีจำหน่ายในชุมชนและจากร้านขายยา ร้านค้าแบบดั้งเดิมและทางออนไลน์ รวมถึงในสถานพยาบาล
ในฐานะแพทย์ เรารู้สึกตื่นเต้นกับเพ็พรุ่นใหม่ล่าสุดที่รู้จักกันในชื่อเพ็พในกระเป๋า (PEP-in-Pocket หรือ PIP) ซึ่งเป็นการจ่ายเพ็พให้กับผู้ใช้บริการล่วงหน้าก่อนสัมผัสเชื้อ เผื่อในกรณีที่จำเป็น วิธีนี้ช่วยให้ผู้ใช้บริการไม่ต้องดิ้นรนหาสถานที่รับเพ็พเมื่อถึงเวลาที่ต้องใช้ การใช้เพ็พทันทีเป็นวิธีที่ดีที่สุด ดังนั้นการทำให้การใช้ทันทีเป็นเรื่องที่เป็นไปได้จึงมีความสำคัญอย่างยิ่ง
เราหวังว่าพิพ (PIP) จะมีพร้อมให้บริการในเคนยาในสักวันหนึ่ง แม้ว่าจะเป็นเรื่องที่ก้าวหน้ามากก็ตาม เรารู้จักคนจำนวนมากในประเทศของเราและที่อื่นๆที่พึ่งพาเพ็พในการป้องกันเอชไอวี มันไม่ใช่เรื่องของทางเลือกใดทางเลือกหนึ่งเท่านั้น แต่เป็นเรื่องของทั้งสองทาง นั่นคือเหตุผลว่าทำไมจึงถึงเวลาที่จะต้องสนับสนุนเพ็พอย่างแข็งขัน และตระหนักว่าเพ็พเป็นทางเลือกที่สำคัญสำหรับหลายๆคน และสำหรับผู้กำหนดนโยบายและผู้ให้บริการดูแลสุขภาพ ควรทำให้ยาป้องกันเอชไอวีนี้พร้อมให้บริการและเป็นที่ยอมรับสำหรับทุกคน
__________________________________________
[1] จาก HIV ‘morning after drug’ can help end this pandemic โดย Patricia Atieno Ong’wen และ Elizabeth Irungu เมื่อ 23 กรกฎาคม 2567 ใน https:// www.devex.com/news/opinion-hiv-morning-after-drug-can-help-end-this-pandemic-107963