การวิจัยพบว่าวัยรุ่นชอบยาฉีดที่ออกฤทธิ์นานมากกว่ายาที่ต้องกินทุกวัน

อุดม ลิขิตวรรณวุฒิ แปล

การนำเสนอผลการวิจัยจากการวิจัยในคนโครงการหนึ่งท่ีนำเสนอในการประชุมครอย 2024 ที่เมืองเดนเวอร์ รัฐโคโลราโด สหรัฐอเมริกาในเดือนมีนาคมที่ผ่านมาเป็นเรื่องการรักษาเด็กและวัยรุ่นด้วยยาต้านไวรัสชนิดฉีดที่ออกฤทธิ์นาน ใน nam aidsmap มีข่าวที่สรุปเกี่ยวกับความรู้สึกของเด็กและวัยรุ่นต่อยาฉีดที่ออกฤทธิ์นาน [1]

ภาพโดย Magnifical Productions/shutterstock.com ใน nam aidsmap

 

การสำรวจความรู้สึกของคนหนุ่มสาวเกี่ยวกับการรักษาด้วยการฉีดยาที่ออกฤทธิ์ยาวนานนั้นยังไม่มีการสำรวจมากนัก การวิจัย “ทางเลือกเพิ่มเติมสำหรับเด็กและวัยรุ่น” (More Options for Children and Adolescents – MOCHA) ให้ข้อมูลเชิงลึก เกี่ยวกับประสบการณ์ของคนหนุ่มสาวอายุ 12-18 ปี ที่เปลี่ยนมาใช้ยาคาโบเทกราเวียร์/ริลพิวิรินที่ออกฤทธิ์นาน นับเป็นการศึกษาครั้งแรกที่สำรวจการใช้ยาต้านไวรัสแบบฉีดที่ออกฤทธิ์ยาวเพื่อกดไวรัสในวัยรุ่น

การเข้าใจว่าอะไรทำให้ยาสูตรนี้เป็นทางเลือกที่ดีสำหรับคนหนุ่มสาวจะมีความสำคัญต่อความสำเร็จในการขยายผลใช้ของยานี้ แม้ว่าข้อมูลจะแสดงให้เห็นว่ายาฉีดนั้นปลอดภัย แต่เรามีความรู้เพียงเล็กน้อยเท่านั้นเกี่ยวกับการยอมรับสิ่งเหล่านี้ในประชากรวัยรุ่น

ในการประชุมครอย 2024 (CROI 2024) เมื่อเร็ว ๆ นี้ ดร. อดิทยา กวาร์ (Aditya Gaur) ได้นำเสนอผลงานด้านความปลอดภัย ความสามารถทนต่อยา และเภสัชจลนศาสตร์ของสูตรยารวมที่มีฤทธิ์ยาวนี้ในวัยรุ่นเมื่ออาทิตย์ที่ 24 ซึ่งพบว่าวัยรุ่นเกือบ 150 คนใน 5 ประเทศที่เปลี่ยนจากยาชนิดกินมาเป็นยาแบบฉีดที่ออกฤทธิ์ยาวสามารถกดไวรัสไว้ได้ ไม่มีการเสียชีวิตหรือผลข้างเคียง และระดับยาอยู่ในระดับที่ใกล้เคียงกับในผู้ใหญ่

สำหรับประสบการณ์ของคนหนุ่มสาวที่ได้รับสูตรยารวมที่ออกฤทธิ์ยาวนั้น ดร. เอลิสเบธ โลเวนธาล (Dr. Elizabeth Lowenthal) จากมหาวิทยาลัยเพนซิลวาเนีย นำเสนอผลงานเพิ่มเติม และกล่าวว่ายาฉีดลดภาระในการได้รับการรักษาเอชไอวีโดย:

  • มีทีมแพทย์คอยติดตามและสนับสนุนวินัยในการฉีดแต่ละครั้ง
  • เป็นอิสระไม่ถูกเตือน [จากการกินยา] ทุกวันว่ามีเอชไอวี

การวิจัยนี้มีผู้เข้าร่วมการวิจัย 144 คน อายุระหว่าง 12 ถึง 17 ปี โดยมีอายุเฉลี่ย 15 ปี อาศัยอยู่ในประเทศบอตสวานา อาฟริกาใต้ ไทย ยูกันดา และสหรัฐอเมริกา มีเพศหญิงและชายจำนวนใกล้เคียงกัน หญิง 74 ราย และ ชาย 70 ราย ส่วนใหญ่ได้รับเอชไอวีแต่กำเนิด และประมาณ 92% ของผู้เข้าร่วมการวิจัยส่วนใหญ่เป็นคนผิวดำหรืออาฟริกัน (74%) ส่วนผู้เข้า ร่วมคนอื่น ๆ เป็นคนเอเชีย (25%) หรือคนผิวขาว (1%) ผู้เข้าร่วมสองคนถอนตัวจากการวิจัย คนหนึ่งออกจากการวิจัย เนื่องจากตั้งครรภ์ และอีกคนทีมวิจัยไม่สามารถติดต่อเพื่อติดตามผลได้

นักวิจัยสอบถามผู้เข้าร่วมการวิจัยในอาทิตย์ที่ 8, 24 และ 48 ว่าพวกเขาชอบยาฉีดที่ออกฤทธิ์นานหรือการกินยา และเหตุผลทำไมถึงชอบ ในสัปดาห์ที่ 8 ผู้เข้าร่วมประมาณ 97% ชอบยาฉีดออกฤทธิ์นาน ซึ่งเพิ่มขึ้นเป็น 99% ในสัปดาห์ที่ 24 และ 100% ในสัปดาห์ที่ 48

ผู้เข้าร่วมการวิจัยไม่กี่รายที่ชอบการกินยาในสัปดาห์ที่ 8 และ 24 โดยกล่าวว่าอาการปวดจากการฉีดเป็นสาเหตุ ส่วนผู้ที่ ชอบฉีดยาเป็นเพราะความสะดวกสบาย ทำให้มีวิถีชีวิตที่ต่อเนื่อง ไม่ต้องกังวลเรื่องกินยาทุกวัน และลดภาระ

ทีมวิจัยยังได้สัมภาษณ์เชิงลึกกับวัยรุ่นอีก 8 คนทางโทรศัพท์อีกด้วย ผู้ให้สัมภาษณ์ทั้งหมดอาศัยอยู่ในสหรัฐอเมริกาได้รับเอชไอวีแต่กำเนิดและเป็นคนผิวดำ คนกลุ่มนี้มีผู้หญิงสามคนและผู้ชายห้าคน โดยมีอายุเฉลี่ย 16 ปี ทีมวิจัยยังได้พูดคุยกับพ่อแม่อีกสี่คนเกี่ยวกับประสบการณ์ของลูกด้วย และสิ่งนี้ยืนยันความรู้สึกที่แสดงออกโดยคนหนุ่มสาวเป็นส่วนใหญ่

คำบอกเล่าของคนหนุ่มสาว:


“ เพราะว่าผมไม่จำเป็นต้องกินยาอีกต่อไปขณะดูฟุตบอล”

“ฉันไม่ต้องตื่นแต่เช้าเพื่อกินยา”


คนหนุ่มสาวยังรายงานว่าภาระการรักษาลดลง ซึ่งหมายความว่ามีความวิตกกังวลน้อยลง ความเบื่อหน่ายในการรักษาน้อยลง มีวินัยในการใช้ยาดีขึ้น และมีความเป็นส่วนตัวมากขึ้น

ตัวอย่างเช่น: “การรักษาด้วยการฉีดยาไม่เครียดมากนัก” “เกลียดยาเม็ดและมักจะลืมกินยา” “ไม่ต้องมีคนมาถามอีกแล้วว่ากินยาอะไรถ้าได้รับการฉีดยา”

อย่างไรก็ตาม การวิเคราะห์ยังแสดงถึงช่องว่างในการทำความเข้าใจเกี่ยวกับยาฉีดที่ออกฤทธิ์นาน คนหนุ่มสาวมีความรู้สึกร่วมกันซึ่งแสดงให้เห็นว่าพวกเขาไม่ค่อยเข้าใจกระบวนการนี้นัก ตัวอย่างเช่น มีความสับสนว่าควรจะฉีดยาที่บริเวณ ไหน แม้ว่าผู้เข้าร่วมการวิจัยได้รับการปรึกษาและได้รับข้อมูลต่าง ๆ ก่อนให้ความยินยอมแล้วก็ตาม

“ฉันถามว่าที่ไหนเหรอ!..ฉันคิดว่าจะถูกฉีดที่แขน”

หนุ่มวัย 17 ปี เล่าว่า: “ผมตื่นเต้นมากที่จะได้รับการฉีดยา ถึงแม้ว่าผมจะเหม่อลอยไปบ้างสำหรับการสรุปข้อมูลและทั้งหมดนั้น”

ผู้ปกครองคนหนึ่งของเด็กสาวอายุ 15 ปีกล่าวว่า: “พวกเขาอธิบายให้เธอฟังแล้ว แต่เธอไม่ได้ยิน”

ผลการวิจัยแสดงให้เห็นว่าการฉีดที่ออกฤทธิ์นานเป็นรูปแบบการรักษาที่ดี ที่ความรู้สึกชอบยังคงสูงอยู่ตลอดการวิจัย อย่างไรก็ตามเป็นที่น่าสังเกตว่ากลุ่มการศึกษานี้เป็นกลุ่มวัยรุ่นที่เลือกที่จะเป็นกลุ่มหนึ่งในกลุ่มแรก ๆ ที่ได้รับการรักษา ยังมีความจำเป็นที่จะต้องมีการออกแบบให้คำปรึกษาและการสนับสนุนที่ได้รับการออกแบบเป็นการเฉพาะที่ให้บริการโดยเจ้า หน้าที่ทางคลินิกที่ได้รับการฝึกอบรมมาแล้ว เพื่อที่จะนำเอาการรักษาที่ออกฤทธิ์ยาวไปปฏิบัติใช้จริง

_________________________________________________________

[1] จาก Adolescents prefer long-acting injectables to daily oral HIV treatment, study finds โดย Mercy Shibemba เมื่อ 27 มีนาคม 2024 ใน https:// www.aidsmap.com/news/mar-2024/adolescents-prefer-long-acting-injectables-daily-oral-hiv-treatment-study-finds#:~:text=The researchers asked participants at,and 100% by week 48.