การระบาดของโรคไข้เลือดออกเพิ่มมากขึ้นในหลายประเทศ

อุดม ลิขิตวรรณวุฒิ แปล

ภาวะโลกร้อนทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงและผลกระทบหลายๆด้านในระดับโลก ทั้งสภาพแวดล้อมและที่อยู่อาศัย การเกษตร การอพยพโยกย้ายถิ่นฐาน และ ปัญหาสุขภาพ เกี่ยวกับสุขภาพนั้นโรคติดต่อและโรคระบาดหลายโรคที่เคยคิดว่าถูกควบคุมจัดการได้เป็นเวลาหลายปีมาแล้วกลับปะทุขึ้นมาใหม่ หรือโรคที่เคยเกิดในสภาพแวดล้อมและภูมิอากาศเฉพาะประเภทหนึ่ง (เช่น โรคเมืองร้อน) ปรากฏในพื้นที่อื่นหรือภูมิอากาศอื่นที่ไม่เคยพบมาก่อน เช่น มาเลเรีย หรือไข้เลือดออกที่เกิดการติดเชื้อในพื้นที่นั้นเองที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน (ซึ่งต่างกับกรณีที่ผู้ป่วยติดเชื้อมาก่อนจากประเทศอื่น และเกิดอาการป่วยเมื่อกลับไปประเทศของตน)

ไข้เลือดออกเป็นโรคหนึ่งที่เริ่มพบการติดเชื้อในสหรัฐอเมริกาที่ไม่เคยพบมาก่อน และในประเทศที่ไข้เลือดออกเป็นปัญหาสำคัญอยู่ก่อนแล้ว ในปัจจุบันเกิดการติดเชื้อมากขึ้นจนทำให้กลายเป็นปัญหาสำคัญของประเทศไป ใน The New York Times มีข่าวเกี่ยวกับไข้เลือดออกที่พบมากขึ้นในประเทศบราซิล จนกลายเป็นภาวะฉุกเฉินของประเทศไป ดังข่าวด้านล่าง [1]

ภาพโดย Sergio Lima/Agence France-Presse - Getty Images ใน The New York Times

ภาวะฉุกเฉินเนื่องจากการระบาดของไข้เลือดออกในบราซิลแสดงถึงวิกฤติด้านสุขภาพสำหรับทวีปอเมริกา จำนวนผู้ป่วยที่ติดเชื้อไวรัสที่มียุงเป็นพาหะสูงเป็นประวัติการณ์ในฤดูร้อนของภูมิภาคของซีกโลกใต้ และมีแนวโน้มว่าการระบาดจะเคลื่อนตัวไปทางทิศเหนือ

บราซิลกำลังเผชิญกับการระบาดครั้งใหญ่ของโรคไข้เลือดออกซึ่งเป็นโรคที่มียุงเป็นพาหะและในบางกรณีอาจถึงแก่ชีวิตได้ ผู้เชี่ยวชาญกล่าวว่าปรากฏการณ์เอลนีโญ (El Niño) และการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศทำให้ปัญหานี้รุนแรงขึ้นในปีนี้ ปรากฏการณ์นี้เป็นลางสังหรณ์ว่าจะมีจำนวนผู้ป่วยที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วในทวีปอเมริการวมถึงในเกาะปวยร์โตริโก (Puerto Rico) ด้วย

กระทรวงสาธารณสุขของบราซิลได้เตือนและคาดการณว่าจะมีผู้ป่วยมากกว่า 4.2 ล้านรายในปีนี้ ซึ่งมากกว่าจำนวนผู้ป่วย 4.1 ล้านรายที่องค์การอนามัยของทวีปอเมริกา (Pan-American Health Organization) ที่รวม 42 ประเทศในภูมิภาครวบรวมบันทึกกรณีไว้สำหรับภูมิภาคนี้เมื่อปีที่แล้ว

สำหรับบราซิลนั้นปีนี้เป็นที่คาดกันก่อนแล้วว่าบราซิลจะประสบกับการระบาดมากของโรคไข้เลือดออก โดยจำนวนผู้ติดเชื้อไวรัสมักจะเพิ่มขึ้นและลดลงเป็นรอบๆซึ่งใช้เวลาประมาณสี่ปี แต่ผู้เชี่ยวชาญกล่าวว่ามีปัจจัยหลายประการ รวมถึงปรากฏการณ์เอลนีโญและการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศที่มีผลทำให้เพิ่มความรุนแรงของปัญหาอย่างมีนัยสำคัญในปีนี้

รัฐมนตรีกระทรวงสาธารณสุขของบราซิล นีเซีย ตรินดาเด (Nísia Trindade) กล่าวว่า “อากาศที่ร้อนเป็นประวัติการณ์ในประเทศและปริมาณน้ำฝนที่มากกว่าปกติตั้งแต่ปีที่แล้ว แม้กระทั่งก่อนที่ฝนจะตกมาก ทำให้แหล่งเพาะพันธุ์ยุงในบราซิลมีจำนวนเพิ่มขึ้น แม้กระทั่งในภูมิภาคที่มีผู้ป่วยไม่มากนัก”

ในประเทศอาร์เจนตินา อุรุกวัย และปารากวัยในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมาซึ่งเป็นช่วงฤดูร้อนของซีกโลกใต้จำนวนผู้ป่วยไข้เลือดออกเริ่มเพิ่มสูงขึ้นแล้ว และไวรัสจะเคลื่อนตัวขึ้นสู่บริเวณอื่นของทวีปตามฤดูกาล

ดร. อัลเบิร์ต โค (Dr. Albert Ko) ผู้เชี่ยวชาญด้านไข้เลือดออกในบราซิลและศาสตราจารย์ด้านสาธารณสุขจากมหาวิทยาลัยเยลกล่าวว่า “เมื่อเราเห็นการระบาดเพิ่มขึ้นในประเทศหนึ่ง โดยทั่วไปแล้วเรามักจะเห็นการระบาดเพิ่มขึ้นในประเทศอื่นๆด้วย ซึ่งแสดงให้เห็นว่าเรามีความเชื่อมโยงซึ่งกันและกัน”

องค์การอนามัยโลกเตือนว่าไข้เลือดออกกำลังกลายเป็นปัญหาสุขภาพเร่งด่วนทั่วโลกอย่างรวดเร็วโดยพิจารณาจากจำนวนผู้ป่วยในปีที่แล้วที่สูงเป็นประวัติการณ์ และการระบาดในหลายพื้นที่ เช่น ประเทศฝรั่งเศส ซึ่งไม่เคยมีการรายงานโรคนี้มาก่อน

ในประเทศสหรัฐอเมริกา ดร. กาบริเอลา ปาซ-เบลี่ย์ (Gabriela Paz-Bailey) หัวหน้าสาขาไข้เลือดออก แผนกโรคติดต่อที่เกิดจากแมลงของศูนย์ควบคุมและป้องกันโรค (Centers for Disease Control and Prevention) กล่าวว่าในปีนี้เธอคาดการณ์ว่าจะมีอัตราการติดเชื้อไข้เลือดออกในเกาะปวยร์โตริโกจำนวนมาก และจะนำไปสู่การระบาดที่สูงขึ้นในแผ่นดินใหญ่ของสหรัฐอเมริกาเช่นกัน โดยเฉพาะในรัฐฟลอริดา เช่นเดียวกันกับในรัฐเท็กซัส รัฐแอริโซนา และรัฐแคลิฟอร์เนียตอนใต้

โรคไข้เลือดออกแพร่กระจายโดยยุงลาย (อีดีส อียิปไต – Aedes aegypti) ซึ่งเป็นยุงสายพันธุ์ที่กำลังฝังตัวอยู่ในภูมิภาคใหม่ รวมถึงบริเวณที่อากาศอุ่นขึ้นและเปียกชื้นกว่าเดิมของสหรัฐอเมริกา ซึ่งเป็นสิ่งที่ไม่เคยพบเห็นมาก่อนเลยจนกระทั่งเมื่อไม่กี่ปีที่ผ่านมา

คาดว่าจำนวนผู้ป่วยในสหรัฐอเมริกาจะยังคงมีค่อนข้างน้อยในปีนี้ – เพียงหลักร้อย ไม่ใช่หลักล้าน – เนื่องจากมีการใช้เครื่องปรับอากาศและมุ้งลวดหน้าต่างกันมาก แต่ ดร. ปาซ-เบลีย์ เตือนว่า “เมื่อคุณดูแนวโน้มของจำนวนผู้ป่วยในทวีปอเมริกาแล้ว มันดูน่ากลัวมากจากการเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง

ฟลอริดารายงานจำนวนผู้ป่วยที่ติดโรคไข้เลือดออกในพื้นที่เอง (ที่ไม่ได้ติดจากประเทศอื่น) สูงสุดในปีที่แล้ว 168 ราย และแคลิฟอร์เนียได้รายงานกรณีดังกล่าวครั้งแรก

สามในสี่ของผู้ที่ติดเชื้อไข้เลือดออกอาจไม่มีอาการใดๆ เลย  และในกรณีที่ผู้ที่ติดเชื้อไข้เลือดออกมีอาการ ซึ่งส่วนใหญ่จะมีลักษณะคล้ายไข้หวัดที่อาการไม่รุนแรงเท่านั้น แต่การติดเชื้อไข้เลือดออกบางรายนั้นรุนแรงทำให้เกิดอาการปวดศีรษะ อาเจียน มีไข้สูง และปวดข้อซึ่งทำให้ไข้เลือดออกได้รับสมญานามว่า “ไข้กระดูกหัก” (“breakbone fever”) กรณีไข้เลือดออกที่รุนแรงอาจทำให้ร่างกายอ่อนเพลียมากเป็นเวลาหลายสัปดาห์

ประมาณร้อยละ 5 ของผู้ป่วยที่มีอาการและเป็นหนักเข้าสู่ขั้นไข้เลือดออกรุนแรง ซึ่งทำให้ของเหลวที่อุดมด้วยโปรตีนในเลือดที่เรียกพลาสมา รั่วซึมออกจากหลอดเลือดทำให้ผู้ป่วยบางรายอาจเกิดภาวะช็อก จนทำให้การทำงานของอวัยวะต่างๆล้มเหลวได้

อัตราการเสียชีวิตในผู้ป่วยไข้เลือดออกขั้นรุนแรงอยู่ระหว่างร้อยละ 2 ถึงร้อยละ 5 ในผู้ป่วยที่ได้รับรักษาด้วยการให้เลือดและน้ำเกลือทางหลอดเลือดดำ อย่างไรก็ตามอัตราการเสียชีวิตจะสูงถึง 15 เปอร์เซ็นต์ หากปล่อยทิ้งไว้โดยไม่ได้รับการรักษา

ในบราซิล รัฐบาลของรัฐต่างๆกำลังจัดตั้งศูนย์ฉุกเฉินเพื่อตรวจและรักษาโรคไข้เลือดออก เมืองรีโอเดจาเนโร (Rio de Janeiro) ได้ประกาศภาวะฉุกเฉินด้านสาธารณสุขต่อโรคไข้เลือดออกเมื่อวันจันทร์ ( 5 กพ 2567)  ซึ่งเป็นเวลาเพียงไม่กี่วันก่อนที่จะเริ่มการเฉลิมฉลองประจำปีคาร์นิวัล (Carnaval) ซึ่งจะมีผู้คนนับหมื่นคนมาร่วมงานปาร์ตี้กลางแจ้งตลอดทั้งวันทั้งคืน

มีรายงานผู้ป่วยจำนวนมากในรัฐทางใต้สุดของบราซิล นางตรินดาเด รัฐมนตรีกระทรวงสาธารณสุข กล่าว ซึ่งโดยทั่วไปแล้วอากาศทางใต้จะเย็นกว่าเมืองริโอฯและรัฐต่างๆทางตอนกลางและทางตอนเหนือมาก ซึ่งประชาชนในพื้นที่ดังกล่าวมีภูมิต้านทานต่อโรคไข้เลือดออกที่เกิดจากการสัมผัสโรคในครั้งก่อนต่ำ

ไข้เลือดออกมี 4 สายพันธ์ุ ซึ่งเปรียบเหมือนกับไวรัสที่เป็นลูกพี่ลูกน้องกัน การติดเชื้อครั้งก่อนจะให้การคุ้มกันต่อการติดเชื้ออีกสายพันธุ์หนึ่งได้ในระยะสั้นเท่านั้น และบุคคลที่เคยเป็นโรคไข้เลือดออกสายพันธุ์หนึ่งในอดีตจะมีความเสี่ยงสูงที่จะเป็นโรคไข้เลือดออกท่ีมีอาการรุนแรงเมื่อติดเชื้อไข้เลือดออกอีกสายพันธุ์หนึ่ง

ดร. เออร์เนสโต มาร์เกส (Ernesto Marques) รองศาสตราจารย์ด้านโรคติดเชื้อและจุลชีววิทยาจากมหาวิทยาลัยพิตส์เบิร์กกล่าวว่า

“ขณะนี้ เรามีไข้เลือดออกที่แพร่กระจายในบราซิลซึ่งเป็นสายพันธุ์ไม่เคยแพร่ระบาดมาเป็นเวลา 20 ปีแล้ว”

บราซิลได้เริ่มการรณรงค์ฉุกเฉินฉีดวัคซีนเพื่อสร้างภูมิคุ้มกันให้กับเด็กๆในพื้นที่ที่มีอัตราหรือเสี่ยงต่อการแพร่เชื้อไข้เลือดออกสูงสุด โดยฉีดวัคซีนคิวเดนกา (Qdenga) 2 เข็ม วัคซีนนี้ผลิตโดยบริษัทยาทาเคดะ (Takeda Pharmaceutical Company) แห่งประเทศญี่ปุ่น บราซิลได้ซื้อวัคซีนนี้เป็นจำนวน 5.2 ล้านโด๊สสำหรับการจัดส่งในปีนี้ และอีก 9 ล้านโด๊สสำหรับการจัดส่งในปีหน้า 2568 และบริษัทยังได้บริจาควัคซีนเพิ่มอีก 1.3 ล้านโด๊ส วัคซีนคิวเดนกาที่ผลิตออกมาสำหรับทั่วโลกส่วนใหญ่ถูกจองไปหมดแล้ว โฆษกหญิงของบริษัทกล่าวว่าทาเคดะกำลังดำเนินการตามแผนสำหรับเพิ่มการผลิตและเน้นการจัดส่งไปยังประเทศที่มีการแพร่ระบาดสูง

เนื่องจากวัคซีนที่สั่งซื้อนั้นมีพอไม่ถึง 10 เปอร์เซ็นต์ของประชากรของบราซิลในช่วงเวลาสองปี แต่ในตอนนี้ก็มีข่าวดีเกี่ยวกับไข้เลือดออกในบราซิลคือการตีพิมพ์ผลงานทดลองทางคลินิกสำหรับวัคซีนใหม่ที่ทดสอบโดยศูนย์วิจัยสาธารณสุขบู-ตานตัน (Instituto Butantan) ในเมืองเซาเปาโล วัคซีนดังกล่าวฉีดเพียงครั้งเดียว ผลการทดลองพบว่าสามารถป้องกันโรคไข้เลือดออกได้ร้อยละ 80 ของผู้ที่ได้รับการฉีดวัคซีน ศูนย์วิจัยจะขอให้รัฐบาลบราซิลอนุมัติวัคซีน และศูนย์วิจัยมีโรงงานสำหรับผลิตวัคซีนเอง โดยมีเป้าหมายที่จะเริ่มฉีดวัคซีนได้ในปี 2568

สำหรับการระบาดครั้งนี้ มันสายเกินไปสำหรับการฉีดวัคซีนซึ่งช่วยได้ไม่มากนัก แต่มีวิธีอื่นอีกสองสามวิธีที่จะช่วยให้หน่วยงานด้านสาธารณสุขชะลอการระบาดได้

“การดื้อต่อยาฆ่าแมลงทำให้การควบคุมปริมาณยุงเป็นเรื่องยาก และปัญหาการดื้อต่อยาฆ่าแมลงก็แพร่กระจายมาก” ดร. ปาซ-เบลี่ย์ จาก C.D.C. กล่าวและเสริมว่า “สิ่งที่เราสามารถทำได้คือการทำให้แน่นอนว่าผู้คนสามารถเข้าถึงการรักษาทางคลินิกได้ และแพทย์รู้ว่าต้องทำอะไร”

ศูนย์การแพทย์ในบราซิลกำลังจัดเตียงเสริมสำหรับผู้ป่วยไข้เลือดออกขั้นรุนแรง โดยหวังว่าจะป้องกันไม่ให้ระบบสุขภาพมีคนไข้มากจนล้นมือ ซึ่งเคยเกิดขึ้นแล้วในการระบาดใหญ่ของโควิด-19 และเพื่อป้องกันการเสียชีวิตจากไข้เลือดออก

ดร.โค กล่าวว่า “วิธีคิดแบบเก่าของโรคไข้เลือดออกที่ว่ามันมักจะเกิดกับเด็กเป็นส่วนใหญ่น้ัน ไม่ได้เป็นเช่นนั้นแล้วในบราซิล เราต้องคิดถึงผู้สูงอายุที่อ่อนแอเปราะบางต่อโรค” จึงเป็นสิ่งสำคัญสำหรับทั้งแพทย์และประชาชนทั่วไปที่จะได้รับการบอกกล่าวเพื่อตรวจหาไข้เลือดออกตั้งแต่แรกเมื่อเริ่มมีอาการทั้งในเด็กและผู้สูงอายุ

ดร. มาร์เกส กล่าวว่า “การคาดเดาอย่างมีหลักการณ์คาดว่าปีนี้จะเป็นปีที่แย่…แต่ตอนนี้เรารู้แล้วว่ามันจะแย่แค่ไหน มันจะแย่เอามากมาก”

____________________________

[1]จาก Brazil Has a Dengue Emergency, Portending a Health Crisis for the Americas. โดย Stephanie Nolen เมื่อ 10 กุมภาพันธ์ 2567 ใน https://www.nytimes.com/2024/02/10/health/dengue-brazil-americas.html