ผู้หญิงมีความเสี่ยงหรือเปราะบางต่อเอชไอวีมากกว่าชายหรือไม่?

บทความโดย อุดม ลิขิตวรรณวุฒิ (แปล)

ผู้หญิงมีความเสี่ยงหรือเปราะบางต่อเอชไอวีมากกว่าชายหรือไม่?[1] 

ความเปราะบางต่อเอชไอวีขึ้นอยู่กับเพศ (sex) หรือเพศสภาพ (gender) ของแต่ละบุคคลต่ำกว่าการที่สรีระร่างกายของคน ถูกใช้อย่างไร ยังมีความเข้าใจผิดอยู่ว่าคนบางกลุ่มมีความเสี่ยงต่อการติดเอชไอวีมากกว่าคนกลุ่มอื่นๆ แต่สิ่งที่สำคัญที่สุด ของการป้องกันเอชไอวีคือการพูดคุยปรึกษากันเกี่ยวกับปัจจัยเสี่ยงที่สามารถปรับเปลี่ยนได้ รวมทั้งความจำเป็นในการ พัฒนามาตรการป้องกันใหม่ๆต่อไปพร้อมกับรวบรวมข้อมูลทางระบาดวิทยาในระยะยาวเกี่ยวกับเอชไอวีในประชากรกลุ่ม เฉพาะต่างๆ

ภาพจาก medicalnewstoday.com

ความเปราะบางต่อเอชไอวีขึ้นอยู่กับภาวะทางชีวภาพร่วมกับความเสี่ยงทางสังคม

ทางชีวภาพ:

–  โดยทั่วไปเพศสัมพันธ์ที่เป็นผู้ถูกสอดใส่มีความเสี่ยงมากกว่าผู้ที่สอดใส่

–  บาดแผลหรือการฉีกขาดของเยื่อบุผนังช่องคลอดหรือเยื่อบุทวารหนักที่ค่อนข้างบางกว่า [เยื่อบุผนังช่องคลอด] จะเพิ่มโอกาสที่จะติดเอชไอวีสำหรับคู่เพศสัมพันธ์ที่เป็นฝ่ายรับ

–  การแพร่เชื้อจากเพศสัมพันธ์ทางปากไม่น่าเป็นไปได้อย่างยิ่ง

–  ในทางกลับกันการฉีดยาเสพติดทางหลอดเลือดดำจะเพิ่มโอกาสของการรับเชื้อเอชไอวีมากขึ้น

พญ. ลีเดีย ไฟน ( Lydia Fein, M.D., M.P.H.) ผู้ช่วยศาสตราจารย์และผู้อำนวยการโครงการสุขภาพคนข้ามเพศในภาควิชา สูติศาสตร์ นรีเวชวิทยาและวิทยาศาสตร์การเจริญพันธุ์ของคณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยไมอามีมิลเลอร์ กล่าวว่า “ปัจจัย ด้านพฤติกรรมน่าจะเป็นองค์ประกอบที่สำคัญที่สุดของความเสี่ยงต่อการติดเอชไอวี เพราะในหลายกรณีปัจจัยเหล่านี้เป็น ปัจจัยเสี่ยงที่ปรับเปลี่ยนได้”

การสำรวจโดยย่อเกี่ยวกับความเข้าใจล่าสุดของเราในเรื่องความเปราะบางต่อเอชไอวีสำหรับกลุ่มประชากรหลัก: หญิง ตามเพศกำเนิด หญิงข้ามเพศ ชายที่มีเพศสัมพันธ์กับชาย และชายข้ามเพศ มีดังต่อไปนี้

หญิงตามเพศกำเนิดที่มีเพศสัมพันธ์กับชาย

ปัจจัยทางชีววิทยาหลายประการทำให้หญิงตามเพศกำเนิดมีโอกาสมากกว่าผู้ชายถึงสองเท่าที่จะได้รับเอชไอวีเมื่อมีเพศ สัมพันธ์กับผู้ชาย

–  การเปลี่ยนแปลงของไมโครไบโอมในช่องคลอดที่ทำให้แลคโตบาซิลลัส (Lactobacillus) ที่เป็นประโยชน์เปลี่ยนไปเป็น แบคทีเรียที่เจริญได้โดยที่ในภาวะที่ไม่มีออกซิเจน (anaerobic bacteria) ซึ่งอาจทำให้ช่องคลอดอักเสบเนื่องจากความไม่สมดุลในช่องคลอด (bacterial vaginosis) ซึ่งเพิ่มความเสี่ยงต่อการติดเอชไอวีได้เกือบ 60%

–  ระดับฮอร์โมนเอสโตรเจน (estrogen) ลดลงตามอายุทำให้สตรีวัยหมดประจำเดือนมีแนวโน้มที่จะเกิดแผลในช่องคลอดระหว่างมีเพศสัมพันธ์

– การติดเชื้อโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ที่ไม่ได้รับการรักษาจะกระตุ้นให้เกิดการอักเสบของเยื่อบุช่องคลอด ซึ่งทำให้เซลล์ ซีดีสี่ (CD4 T cells) เพิ่มมากขึ้น ซึ่งเซลล์ซีดีสี่เป็นเซลล์เป้าหมายสำคัญของเอชไอวี

พญ. ไอลีน สกัลลี่ (Dr. Eileen Scully) กล่าวกับ TheBodyPro “จากมุมมองของการได้รับเชื้อ สภาพแวดล้อมของระบบ สืบพันธุ์เพศหญิงมีลักษณะเป็นพิเศษเฉพาะทั้งในแง่ของจำนวนของเซลล์เป้าหมายของการติดเชื้อ และการตอบสนองของ ระบบภูมิคุ้มกันเฉพาะที่” ความแตกต่างในการตอบสนองของภูมิคุ้มกันยังคงอยู่หลังจากที่ได้รับเชื้อแล้วรวมถึงการกระตุ้น ทีเซลล์ซีดีแปด (CD8 T cell) ในผู้หญิงจะสูงกว่าผู้ชายในปริมาณไวรัสเอชไอวีในเลือดที่เท่ากัน “คุณสมบัติเหล่านี้ถูก ควบคุมด้วยฮอร์โมนเพศ” เธอกล่าว

จากข้อมูลของยูเอ็นเอดส์ (UNAIDS) ปีคศ. 2022 พบว่า 53% ของผู้อยู่กับเอชไอวีทั่วโลกเป็นผู้หญิงหรือเด็กผู้หญิง แต่ ตัวเลขอุบัติการณ์การติดเชื้อแตกต่างกันไปตามภูมิศาสตร์ ตัวอย่างเช่นการติดเอชไอวีรายใหม่ในสหรัฐอเมริกาในปี 2562 ที่เป็นผู้หญิงและเด็กผู้หญิงมีเพียง 18% จากข้อมูลของศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคของสหรัฐอเมริกา ในทางตรงกันข้ามใน ซับซาฮาราอาฟริกาในปีคศ. 2022 การติดเชื้อรายใหม่ในผู้หญิงและเด็กสูงถึง 77% จากข้อมูลของยูเอนเอดส์ (UNAIDS) – ความแตกต่างนี้ส่วนใหญ่มีสาเหตุมาจากปัจจัยทางเศรษฐกิจและสังคมที่จำกัดสิทธิของสตรีในการเป็นตัวของตัวเอง ปัจจัย ทางสังคมยังอธิบายถึงเหตุที่กลุ่มที่เปราะบางที่สุดในสหรัฐอเมริกาซึ่งรวมถึงผู้หญิงผิวดำและผู้หญิงลาตินที่อัตราการติด เชื้อคิดเป็น 55% และ 18% ตามลำดับของการวินิจฉัยการติดเชื้อรายใหม่ในหมู่ผู้หญิงอเมริกันและเด็กสาววัยรุ่นในปีคศ. 2019

สาเหตุหลักของการติดเอชไอวีในหญิงตามเพศกำเนิดคือการมีเพศสัมพันธ์โดยไม่ใช้ถุงยางอนามัยกับผู้ชายที่อยู่กับเอชไอ วีที่ไม่ได้รับการรักษาหรือที่ไม่สามารถควบคุมเอชไอวีได้

หญิงตามเพศกำเนิดที่มีเพศสัมพันธ์กับหญิง

การแพร่เชื้อเอชไอวีระหว่างผู้หญิงที่มีเพศสัมพันธ์กับผู้หญิงนั้นเกิดขึ้นได้ยากมาก อย่างไรก็ตาม สำนักงานด้านสุขภาพสตรี แห่งสหรัฐอเมริกา (U.S. Office on Women’s Health) กล่าวว่าความเสี่ยงที่มีการประเมินต่ำเกินไปสำหรับผู้หญิงที่มีเพศ สัมพันธ์กับผู้หญิงที่มีเอชไอวีได้แก่:

– ใช้ของเล่นทางเพศร่วมกัน

– เพศสัมพันธ์ทางปากในขณะที่มีบาดแผลในช่องปากมีเลือดออกหรือมีแผล

– การสัมผัสกับเลือดประจำเดือน

หญิงข้ามเพศ

“ผู้หญิงข้ามเพศมีโอกาสติดเอชไอวีสูงกว่าประชากรทั่วไปถึง 66 เท่า” พญ. ไฟน (Dr. Fein) กล่าวและเสริมว่าในผู้หญิงข้าม เพศผิวดำและลาตินจะมีความเสี่ยงเพิ่มขึ้น จากข้อมูลของยูเอนเอดส์ (UNAIDS) ความชุกของการติดเอชไอวีในกลุ่มคน ข้ามเพศในสหรัฐอเมริกาอยู่ที่ 13.7% รวมถึง 18.8% สำหรับผู้หญิงข้ามเพศ

ปัจจัยเสี่ยงด้านพฤติกรรมที่สำคัญสำหรับหญิงข้ามเพศได้แก่ การมีเพศสัมพันธ์ที่เป็นฝ่ายรับทางทวารหนักโดยไม่ใช้ถุงยาง อนามัย และใช้เข็มร่วมกันในการฉีดฮอร์โมนและ/หรือซิลิโคน นอกจากนี้การตีตรา ความไม่มั่นคงทางเศรษฐกิจ การอยู่ โดดเดี่ยว และความไม่สามารถเข้าถึงการดูแลสุขภาพที่เกี่ยวกับการเปลี่ยนเพศ มักผลักดันให้ผู้หญิงข้ามเพศเข้าสู่อาชีพค้า บริการเพื่อเอาชีวิตรอด และแสวงหาการดูแลสุขภาพนอกระบบการแพทย์ อัตราการใช้สารเสพติดที่เพิ่มขึ้นยังเพิ่มความ เสี่ยงต่อการติดเชื้อเอชไอวีในประชากรกลุ่มนี้

พญ. ไฟน ตั้งข้อสังเกตว่าไม่ค่อยมีใครทราบเกี่ยวกับปัจจัยเสี่ยงทางชีวภาพของเอชไอวีสำหรับผู้หญิงข้ามเพศที่ได้รับการ ผ่าตัดทำช่องคลอด เธอเพิ่งนำเสนอผลการวิจัยที่แสดงให้เห็นว่าแม้ว่าไมโครไบโอมในช่องคลอดใหม่จะขาดแลคโต บาซิลลัส แต่ผิวของช่องคลอดใหม่ซึ่งไม่ใช่เยื่อบุผนังช่องคลอดบ่งถึงความจำเป็นที่ต้องมีการวิจัยเพิ่มเติมเพื่อตรวจสอบว่า ไมโครไบ-โอมในช่องคลอดใหม่จะส่งผลต่อความเสี่ยงของการแพร่เชื้อเอชไอวีหรือไม่

ชายข้ามเพศ

ความชุกของเอชไอวี ของทั่วโลกอยู่ที่ 2.56% ชายข้ามเพศมีโอกาสได้รับการวินิจฉัยว่าติดเอชไอวีมากกว่าผู้ใหญ่ทั่วไปถึง เจ็ดเท่า ชายข้ามเพศไม่ได้มีเพศสัมพันธ์กับหญิงตามเพศกำเนิดเท่าน้ัน ดังนั้นในความพยายามที่จะป้องกันการติดเอชไอวี นั้นควรพิจารณาถึงลักษณะทางกายวิภาคที่หลากหลายของชายข้ามเพศด้วย

ชายที่มีเพศสัมพันธ์กับชาย

ความชุกของการติดเอชไอวีของทั่วโลกในกลุ่มเกย์และไบเซ็กชวลอยู่ที่ 7.5% ตามข้อมูลของศูนย์ควบคุมและป้องกันโรค ของปีคศ. 2019 ชายเกย์และไบเซ็กชวลวัยรุ่นและผู้ใหญ่คิดเป็น 69% ของการวินิจฉัยเอชไอวีรายใหม่ในสหรัฐอเมริกา ปัจจัยเสี่ยงที่สำคัญสำหรับผู้ชายเหล่านี้ได้แก่ การมีเพศสัมพันธ์ทางทวารหนักโดยไม่ใช้ถุงยางอนามัย และการตีตราเกี่ยวกับการมีเพศสัมพันธ์กับคนเพศเดียวกัน ปัจจัยสุดท้ายนี้อาจกีดกันชายเหล่านี้จากการตรวจเอชไอวีและในการเข้าถึงบริการ เกี่ยวกับการป้องกันและรักษาเอชไอวี

การลดความเปราะบางต่อเอชไอวีด้วยวิธีการป้องกันเอชไอวีวิธีการต่าง ๆ

นอกเหนือจากการมีเพศสัมพันธ์ที่ปลอดภัยและการจำกัดจำนวนคู่เพศสัมพันธ์แล้ว สถาบันสุขภาพแห่งชาติ (National Institutes of Health) ยังแนะนำให้ใช้การป้องกันการติดเชื้อก่อนสัมผัสเชื้อ หรือเพร็พ (PrEP) และการป้องกันหลังการสัมผัส เชื้อ หรือเพ็พ (PEP) สำหรับผู้ที่มีความเสี่ยงต่อการติดเอชไอวี อย่างไรก็ตาม พญ. ไฟน กล่าวว่า ผู้หญิงยังใช้เพร็พน้อยเกิน ไป เนื่องจากการส่งเสริมเพร็พในปัจจุบันมุ่งเป้าหมายไปที่กลุ่มชายมีเพศสัมพันธ์ชาย เธอกล่าวว่าการเพิ่มการรับรู้เกี่ยวกับ เพร็พในบรรดานรีแพทย์เป็นสิ่งสำคัญมาก เนื่องจากผู้หญิงจำนวนมากไม่ไปพบแพทย์เลยนอกเสียจากสูตินรีแพทย์ของตน

ก่อนที่จะนำเอามาตรการป้องกันไปใช้ พญ. สกัลลี่ เน้นว่าผู้ให้บริการทางการแพทย์ต้องเข้าใจแรงจูงใจด้านพฤติกรรมของ ผู้ป่วยด้วย ผู้เขียนรายงานการวิจัยเพร็พในระยะเริ่มแรกในผู้หญิงชาวอาฟริกันสันนิษฐานว่า เนื่องจากผู้เข้าร่วมการวิจัยเชื่อ ว่าพวกเธอมีความเสี่ยงต่อการติดเอชไอวีต่ำจึงขาดวินัยในการกินยา

พญ. ไฟน์ กล่าวว่าหญิงข้ามเพศมักจะหลีกเลี่ยงการใช้เพร็พเพราะกลัวว่าจะเกิดปฏิกิริยาต่อการรักษาด้วยฮอร์โมนยืนยัน เพศภาวะ และเสริมว่าการวิจัยได้ขจัดข้อกังวลนี้ไปแล้ว และการรวมเพร็พเข้ากับการบำบัดด้วยฮอร์โมนที่ยืนยันเพศภาวะ ได้พิสูจน์แล้วว่ามีประโยชน์อย่างมาก

การวิจัยเพิ่มเติมที่จำเป็นในการสำรวจความเปราะบางต่อเอชไอวีและการได้รับเชื้อเอชไอวี

พญ.สกัลลี่ ตั้งข้อสังเกตว่าเป็นเรื่องที่น่าเสียดายที่การวิจัยเกี่ยวกับการติดเอชไอวีนั้นมีไม่เพียงพอและน้อยกว่าการวิจัยใน ด้านพยาธิการทำให้เกิดโรคของเอชไอวี เธอกล่าวว่า “ขึ้นอยู่กับลักษณะเฉพาะของการแพร่ระบาดของเอชไอวีในท้องถิ่น การกำหนดกลุ่มบุคคลที่เสี่ยงต่อการติดเอชไอวีอาจเป็นเรื่องที่ท้าทายมาก และที่ยากขึ้นไปอีกคือการทำการวิจัยเปรียบ เทียบเกี่ยวกับความเสี่ยงในการติดเชื้อ”

บทความนี้เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อวันที่ 7 ธันวาคม ปีคศ. 2005 (พศ. 2548) และอัปเดตล่าสุดเมื่อวันที่ 27 ธันวาคม คศ. 2023 (พศ. 2566)

_________________

[1] จาก Is HIV Vulnerability/Susceptibility Higher in Women Than Men? โดย John Jesitus, M.A. เมื่อ 27 ธันวาคม 2566 ใน https:// www.thebodypro.com/article/women-vulnerable-hiv-aids-infection-men-less-apt-cope