บทความโดย อุดม ลิขิตวรรณวุฒิ
ในวารสารวิชาการของสมาคมแพทยศาสตร์ของสหรัฐอเมริกา (The Journal of the American Medical Association หรือ JAMA) มี บทความโดยศาสตราจารย์นิติศาสตร์ ลอว์เรนซ์ โอ. กอสติน (Lawrence O. Gostin, JD) จากศูนย์กฎหมายมหาวิทยาลัยจอร์จทาวน์ (Georgetown University Law Center) เกี่ยวกับบทเรียนที่ได้จากโรค ระบาดระดับโลกของโควิด-19 และโรคระบาดอื่น ดังเนื้อหาดังต่อไปนี้
การฟื้นกลับมาของโรคโปลิโออีกครั้ง ในขณะที่การระบาดของ ฝีดาษลิงได้เพิ่มสูงขึ้นและโควิด-19 ยังคงทำความเสียหายอย่างใหญ่ หลวงอยู่ต่อไป แสดงถึงภัยคุกคามที่รุนแรงมากขึ้นที่เกิดจากโรคติดต่อ และความเปราะบางของมนุษยชาติ โควิด-19 ทำให้มีผู้เสียชีวิต 15 ล้านคนทั่วโลกในปีที่แล้ว และยังคงผู้ที่เสียชีวิตมากกว่า 1,000 คนต่อวัน รายงานจำนวนผู้ป่วยจากโรคฝีดาษลิงมีมากกว่า 60,000 รายใน 103 ประเทศ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นประเทศที่ในอดีตไม่เคยมีกรณีฝีดาษลิงที่ไม่เกี่ยวข้องกับการเดินทางเลย
ในทางตรงกันข้ามการรณรงค์ฉีดวัคซีนทำให้โรคโปลิโอเกือบถูกกำจัดไปจนหมดสิ้น และคงเหลือแต่โรคโปลิโอสายพันธ์ธรรมชาติ (wild polio) ที่แพร่ระบาดเฉพาะถิ่นในอัฟกานิสถานและปากีสถานเท่านั้น อย่างไรก็ตามโรคโปลิโอที่ เกิดจากวัคซีน (จากวัคซีนชนิดที่ให้ทางปากที่ทำจากไวรัสโปลิโอที่ยังมีชีวิตและถูกทำให้อ่อนฤทธิ์ลง) ที่ถูกค้นพบเมื่อเร็วๆ นี้ในนิวยอร์ก ลอนดอน และเยรูซาเล็ม ในตัวอย่างน้ำเสียแสดงว่ามีไวรัสโปลิโอที่เกิดจากวัคซีนหมุนเวียนอยู่อย่างกว้าง ขวาง ซึ่งทำให้องค์การอนามัยโลกเพิ่มสหรัฐอเมริกาเข้าไปในรายชื่อขององค์การอนามัยโลกเกี่ยวกับ 30 ประเทศที่มีการ ระบาดของโรคโปลิโออยู่อย่างเป็นทางการ
องค์การอนามัยโลกได้ประกาศให้โควิด-19 ฝีดาษลิง และโปลิโอเป็นภาวะฉุกเฉินด้านสาธารณสุขระหว่างประเทศ โรคทั้งสามนี้มีความหลากหลายอย่างน่าทึ่ง—ไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ (โควิด-19) โรคระบาดของสมัยโบราณ (โปลิโอ) และโรคเฉพาะถิ่นในบางประเทศในอาฟริกา (ฝีดาษลิง) แต่แรงผลักดันต่างๆของโลกผลักดันให้ทั้ง 3 โรคก่อให้เกิดผล สะสมอย่างใหญ่หลวงต่อสุขภาพและสังคม
ความเสี่ยงจากโรคระบาดต่างๆมีเพิ่มขึ้นเรื่อยๆซึ่งคาดว่าโรคระบาดครั้งใหม่จะเพิ่มขึ้นถึง 3 เท่า [1] การระบาดใหญ่ระดับโลกทำให้การพัฒนามนุษย์และเศรษฐกิจแย่ลง เหตุใดโรคระบาดระดับโลกจึงเกิดบ่อยขึ้น และเราจะเรียนรู้ถึงบท เรียนอะไรได้บ้าง?
ปัจจัยผลักดันของโรคระบาดระดับโลก
เชื้อโรคที่แพร่จากสัตว์สู่คน (zoonotic pathogens) เช่น เชื้อที่ก่อให้เกิดเอชไอวี โรคซาร์ส (SARS) อีโบลา (Ebola) และฝีดาษลิง (Monkeypox) และโควิด-19 รวมกันแล้วคิดเป็น 60% ของโรคติดต่อทั้งหมด และ 70% ของโรคติดต่อที่เกิดขึ้น ใหม่ การแพร่ระบาดของโรคจากสัตว์สู่คนจะเกิดขึ้นบ่อยขึ้น และการระบาดที่ตามมาก็แพร่กระจายอย่างรวดเร็วมากขึ้น2 เนื่องจากพฤติกรรมของมนุษย์ ในขณะที่มนุษย์บุกรุกสภาพแวดล้อมของสัตว์ป่าในอัตราที่น่าตกใจ3 เพื่อการเกษตร การทำ เหมืองแร่ และการขยายตัวของเมือง ระบบนิเวศจะถูกทำลายและสัตว์ป่าหลายชนิดถูกขับไล่ออกจากที่อยู่เดิมของมันและ ทำให้สัตว์เหล่านั้นต้องอยู่ภายใต้ความกดดันเป็นอย่างมาก การอยู่รวมกันของสัตว์ป่า มนุษย์ และปศุสัตว์ที่เพิ่มขึ้นเป็นการ เพิ่มการแพร่ระบาดของโรคจากสัตว์สู่คน การทำปศุสัตว์ที่มีความหนาแน่นสูงและการลักลอบค้าสัตว์ป่าระหว่างประเทศมี ความเสี่ยงสูง หลักฐานที่สะสมบ่งชี้ว่า โรคซารส์โควีทู (SARS-CoV-2) น่าจะมาจากตลาดค้าส่งอาหารทะเลของเมืองหู หนาน (Huanan)
การเปลี่ยนแปลงของภูมิอากาศที่เป็นผลกระทบจากมนุษย์เพิ่มการแพร่กระจายของไวรัสที่ข้ามสายพันธุ์[ระหว่าง สัตว์อื่นๆและมนุษย์]อย่างมาก เนื่องจากภาวะโลกร้อนทำให้ที่อยู่อาศัยของสัตว์บางชนิดลดลง4 สัตว์สายพันธุ์ต่างๆซึ่งเป็น แหล่งอาศัยของเชื้อโรคต้องอพยพไปยังพื้นที่ที่อากาศเย็นกว่า หรืออาจอพยพข้ามทวีปได้ ค้างคาวซึ่งพบว่ามีไวรัสโคโรนา หลายชนิดอาศัยอยู่สามารถเดินทางได้ไกล ภาวะสภาพภูมิอากาศเปลี่ยนแปลงยังทำให้พาหะของของเชื้อโรคต่างๆขยาย ไปยังพื้นที่ทางภูมิศาสตร์ใหม่ๆได้ทำให้เกิดโรคที่มียุงเป็นพาหะ
การขยายตัวของพื้นที่เมืองทำให้ความหนาแน่นของประชากรมนุษย์เพิ่มขึ้น ทำให้เกิดการแพร่กระจายของเชื้อ โรคจากคนสู่คน การขนส่งที่รวดเร็วและการอพยพของผู้คนจำนวนมากทำให้เกิดการระบาดไปทั่วโลก ธนาคารโลก ประมาณการว่า 56% ของประชากรโลก หรือ 4.4 พันล้านคน อาศัยอยู่ในเมือง และ 70% จะกลายเป็นผู้ที่อาศัยอยู่ในเมือง ภายในปีค.ศ. 2050 การอพยพย้ายถิ่นของผู้คนจำนวนมากที่เกิดจากความไม่มั่นคงทางอาหาร การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ และความขัดแย้งและสงครามเกิดขึ้นมากเป็นประวัติการณ์ สำนักงานเกี่ยวกับการย้ายถิ่นฐานระหว่างประเทศ (International Migration Office) ประมาณว่าผู้อพยพย้ายถิ่นระหว่างประเทศในปีคศ. 2020 มีจำนวน 281 ล้านคนซึ่งคิดเป็น 3.6% ของประชากรทั่วโลก
บทเรียนที่ได้
องค์การอนามัยโลกระบุรายชื่อเชื้อโรคที่มีความสำคัญสูง 10 ชนิด ได้แก่เช่น ไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ ไวรัสอีโบลา และ ไวรัสซิกา รวมถึงโรคเอ็กซ์ (disease X) ซึ่งเป็นการสงวนตำแหน่งไว้สำหรับเชื้อโรคที่ยังไม่เป็นที่รู้จัก ความพยายามที่จะ จัดการกับการระบาดของโรคติดต่อพบจุดอ่อน 5 ด้าน ที่จำเป็นต้องได้รับการแก้ไขอย่างเร่งด่วน
ระบบสุขภาพ
กฎข้อบังคับเกี่ยวกับสุขภาพระหว่างประเทศ (International Health Regulations – IHR) กำหนดให้ประเทศต่างๆพัฒนา ศักยภาพของระบบสุขภาพที่เป็นหลักของประเทศ (เช่น การเฝ้าระวังโรค ห้องปฏิบัติการ ทรัพยากรมนุษย์ และการสื่อสาร เกี่ยวกับความเสี่ยง และอื่นๆ) ในเดือนมีนาคม คศ. 2020 องค์การอนามัยโลกประเมินว่าบุคลากรทางการแพทย์ต้องการ หน้ากากอนามัย 89 ล้านชิ้นและถุงมือ 76 ล้านชิ้นต่อเดือน การขาดแคลนเป็นอย่างมากของเครื่องมือป้องกันเหล่านี้ทำให้ผู้ ที่ทำงานแนวหน้า “มีอุปกรณ์ที่จำเป็นไม่เพียงพออย่างน่ากลัว” และประเทศที่มีรายได้น้อยต้องดิ้นรนเป็นอย่างมากเพื่อ แข่งขันกับประเทศอื่นๆในตลาดโลก ทั่วโลกจำเป็นต้องใช้เงินประมาณ 124 พันล้านดอลลาร์เพื่อสร้างขีดความสามารถ ด้านความปลอดภัยสำหรับสุขภาพที่มีประสิทธิภาพในระดับประเทศ เงินจำนวนนี้น้อยกว่าที่ประเทศสหรัฐอเมริกาใช้จ่ายไป เพื่อตอบสนองต่อปัญหาโควิด-19 และการฟื้นฟูที่รวมทั้งหมดประมาณ 4 ล้านล้านดอลลาร์
ความร่วมมือระดับโลก
โควิด-19 ทำให้ความร่วมมือและความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันทั่วโลกแตกร้าว ซึ่งรวมถึงการเตือนภัยล่วงหน้าที่มีข้อ บกพร่องและการสืบสวนเกี่ยวกับต้นตอของโควิด-19 ที่ไม่สมบูรณ์ ประธานาธิบดีทรัมป์ในขณะนั้นประกาศว่าสหรัฐอเมริกา จะถอนตัวออกจากองค์การอนามัยโลก ในขณะที่องค์การอนามัยโลกไม่สามารถเข้าถึงข้อมูลสำคัญและตัวอย่างของไวรัส จากจีนได้
ความเสมอภาค
ประเทศที่มีรายได้สูงต่างกักตุนเครื่องมือสำหรับการตรวจวินิจฉัยโรค อุปกรณ์ป้องกันส่วนบุคคล วัคซีน และยารักษาโรค ในช่วงการระบาดของไวรัสโคโรนาสายพันธุ์โอมะครอนในเดือนพฤศจิกายน 2021 ผู้คนเกือบ 70% ในประเทศที่มีรายได้สูงส่วนใหญ่ได้รับการฉีดวัคซีนครบถ้วน แต่มีเพียง 8% ของผู้คนในประเทศที่มีรายได้น้อยที่ได้รับฉีดวัคซีนเพียงแค่ 1 เข็ม เท่านั้น และเพียง 25% ของเจ้าหน้าที่สาธารณสุขในอาฟริกาเท่านั้นที่ได้รับฉีดวัคซีนครบ สิ่งที่สะท้อนถึงสถานการณ์เกี่ยว กับโควิด-19 คือการระบาดของฝีดาษลิง ประเทศที่มีรายได้สูงกักตุนวัคซีน การตรวจ และเวชภัณฑ์สำหรับโรคฝีดาษลิงที่มี อยู่อย่างจำกัดอีก ในสหรัฐอเมริกา อายุเฉลี่ยของคนผิวขาวลดลง 2.4 ปีในปี 2020 และ 2021 เทียบกับการลดลง 4.2 ปีและ 4.0 ปีสำหรับคนผิวดำและคนเชื้อชาติชาติลาตินอเมริกันตามลำดับ และ 6.6 ปีสำหรับชาวอเมริกันอินเดียน/อลาสก้า ใน เดือนสิงหาคม คศ. 2022 ประชากรผิวดำและชาวลาตินอเมริกันเป็นโรคฝีดาษลิงสูงเป็นสองเท่าของประชากรทั่วไป
การสื่อสารเกี่ยวกับสุขภาพ
ความไว้วางใจในหน่วยงานด้านสาธารณสุขตกฮวบลงในช่วงโควิด-19 และการสื่อสารด้านสุขภาพที่ไม่ดีทำให้ความไว้วาง ในหน่วยงานสุขภาพแย่ลงไปอีก ผู้สื่อสารที่เชื่อถือได้และข้อมูลที่ถูกต้องก็มีความสำคัญต่อโรคโปลิโอเช่นกัน เนื่องจากใน บางชุมชนผู้คนยังมีความลังเลใจในการรับฉีดวัคซีนสูง กรณีของโรคฝีดาษลิงที่ส่วนใหญ่เป็นชายมีเพศสัมพันธ์กับชาย การ หลีกเลี่ยงการตีตราเป็นสิ่งสำคัญ ความร่วมมือที่ประสบความสำเร็จในการแก้ไขปัญหาการแพร่ระบาดเอชไอวี/เอดส์ เช่น เพ็พฟาร์ (PEPFAR หรือแผนฉุกเฉินเพื่อการบรรเทาทุกข์ด้านเอดส์ของประธานาธิบดีสหรัฐฯ) และกองทุนโลกเพื่อต่อสู้กับ โรคเอดส์ วัณโรค และมาลาเรีย (Global Fund to Fight AIDS, Tuberculosis and Malaria) ให้บทเรียนเกี่ยวกับการมีส่วน ร่วมของชุมชนและผู้มีส่วนได้ส่วนเสียที่มีประสิทธิภาพ
การรณรงค์ฉีดวัคซีนสำหรับผู้คนวัยเด็ก
การกลับมาอีกครั้งของโรคโปลิโอเน้นย้ำว่าความพยายามในการฉีดวัคซีนจะประสบความสำเร็จได้ก็ต่อเมื่อดำเนินการ อย่างต่อเนื่อง ในช่วงโควิด-19 เด็ก 25 ล้านคนพลาดการฉีดวัคซีนเป็นประจำ ซึ่งเป็นการลดลงมากที่สุดในรอบ 30 ปี
4 ขั้นตอนสำหรับอนาคตที่ปลอดภัยยิ่งขึ้น
โรคระบาดระดับโลกจำเป็นต้องมีแผนการที่กว้างไกลที่พร้อมดำเนินการทันที 4 ด้าน คือ
- การป้องกัน การป้องกันโรคระบาดเริ่มต้นด้วยการระบุแหล่งที่มาที่สำคัญของเชื้อโรคของการแพร่เชื้อโรคจากสัตว์สู่คน และลดการล้น ทะลักข้ามสายพันธ์ุ (spillovers) วาระสุขภาพหนึ่งเดียว (One Health agenda) ที่เป็นการทำงานร่วมมือกันจะทำให้เกิด แนวทางการทำงานของหน่วยงานที่เน้นความเชื่อมโยงระหว่างสุขภาพของมนุษย์ สัตว์ และสิ่งแวดล้อมที่เป็นเรื่องที่แยกออกจากกันไม่ได้ถูกผนวกอย่างเป็นทางการในยุทธศาสตร์ของหน่วยงาน/องค์กร ขั้นตอนสำคัญรวมถึง การอนุรักษ์ ดูแล และใช้ประโยชน์จากที่ดิน การลดกิจกรรมของมนุษย์ในแหล่งที่อยู่อาศัยที่ยังมีสภาพดีอยู่ และการฟื้นฟูระบบนิเวศที่ เสื่อมโทรม ประเทศต่างๆควรห้ามการค้าสัตว์ป่าที่มีชีวิต ปัจจุบันการค้าบางอย่างเท่านั้นที่ผิดกฎหมาย การแพร่ระบาดของ สัตว์สู่คนสามารถลดลงได้โดยการรักษาสัตว์ให้แข็งแรงด้วยการเพาะเลี้ยงสัตว์แบบที่ยั่งยืนและที่มีมนุษยธรรม
- การเตรียมพร้อม การขยายโครงการศึกษาพันธุกรรมไวรัสของโลก (Global Virome Project) อาจจะระบุไวรัสที่มีโอกาสสูงที่จะข้ามสายพันธุ์ และแพร่ระบาดสู่คนได้ ซึ่งจะช่วยในการพัฒนามาตรการเตรียมรับมือ การตรวจสอบน้ำเสียและพันธุกรรมควรเป็นแนว ปฏิบัติมาตรฐาน การลงทุนในการวิจัยและพัฒนาเพื่อต่อต้านเชื้อก่อโรคที่มีความเสี่ยงสูงทำให้การตอบสนองต่อโรค ระบาดสามารถทำได้อย่างรวดเร็วเมื่อเกิดการระบาด การร่วมกันใช้พัสดุ/อุปกรณ์ต่างๆที่สำรองไว้ร่วมกันในระดับโลก ศูนย์กลางการผลิตระดับภูมิภาค และการจัดสรรพัสดุ/อุปกรณ์อย่างเท่าเทียมกันเพื่อใช้ในการตอบโต้ต่อโรคระบาดจะช่วย ยกระดับการเตรียมพร้อมและความเท่าเทียมกันได้
- การตอบสนอง การป้องกันที่มีประสิทธิภาพและระบบสุขภาพที่แข็งแกร่งจะช่วยปรับปรุงศักยภาพในการตอบสนองต่อโรคระบาด รัฐบาล ต่างๆควรใช้ช่วงเวลาระหว่างการแพร่ระบาดในการสร้างศักยภาพและสร้างโครงสร้างพื้นฐานด้านชีวการแพทย์เพื่อตอบ สนองต่อเชื้อโรคที่มีลำดับความสำคัญสูง รวมถึงเชื้อโรคที่ไม่รู้จัก ธรรมาภิบาลก็มีความสำคัญเช่นกันสำหรับการติดตาม เฝ้าระวังและความรับผิดชอบที่เข้มงวดยิ่งขึ้นเพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้เกิดการละเมิดกฎข้อบังคับเกี่ยวกับสุขภาพระหว่างประเทศ ดังที่เกิดขึ้นในช่วงโควิด-19
- การฟื้นตัวและความยืดหยุ่นภายหลังโรคระบาด โรงเรียนจำเป็นต้องกู้คืนความสูญเสียทางการเรียน ระบบสาธารณสุขต้องฟื้นฟูการดูแลรักษาที่หยุด ชะงักไป และรัฐบาลต้องขยายเครือข่ายความมั่นคงทางสังคม การเสริมสร้างระบบสุขภาพและบริการทางสังคมสามารถ ป้องกันผู้คนไม่ให้ประสบกับปัญหาความยากจน ทำให้ช่วงการมีอายุของคนไม่ตกต่ำลง และป้องกันการสูญเสียทักษะด้าน การศึกษา ประเทศที่มีรายได้สูงควรจัดหาเงินทุนเพื่อรับประกันการฟื้นตัวของประเทศรวมถึงประเทศที่ยากจนที่สุดด้วย
โลกกำลังอยู่ในจุดเปลี่ยนของธรรมาภิบาลด้านสุขภาพระดับโลก สมัชชาอนามัยโลกได้ดำเนินการปฏิรูปที่ดีมาก 3 ประการ ได้แก่ เครื่องมือใหม่ในการเตรียมพร้อมสำหรับโรคระบาด การปฏิรูปกฎข้อบังคับเกี่ยวกับสุขภาพระหว่างประเทศ และการจัดหาเงินทุนที่ยั่งยืนสำหรับองค์การอนามัยโลก ซึ่งทั้งสามประการนี้อาจบรรลุผลภายในเดือนพฤษภาคม ค.ศ. 2024 การประชุมสมัชชาอนามัยโลก ในเดือนกันยายน ค.ศ. 2022 สมัชชาใหญ่แห่งสหประชาชาติได้รับรองมติว่าด้วยการ ป้องกันการแพร่ระบาด การเตรียมพร้อม และการตอบสนอง เพื่อเพิ่มความแข็งแกร่งทางการเมืองและการจัดหาเงินทุน สำหรับความมั่นคงด้านสุขภาพทั่วโลก เมื่อโรคระบาดเอ็กซ์เกิดขึ้น คำถามคือโลกจะพร้อมหรือไม่ คำตอบนั้นยังบอกไม่ได้
_________________
[1] จาก Living in an Age of Pandemics—From COVID-19 to Monkeypox, Polio, and Disease X โดย Lawrence O. Gostin, JD เมื่อ 22 กรกฎาคม 2565 ใน https://jamanetwork.com/journals/jama-health-forum/fullarticle/2796824
เอกสารอ้างอิง:
- Marani M, Katul GG, Pan WK, Parolari Intensity and frequency of extreme novel epidemics. Proc Natl Acad Sci U S A. 2021;118(35):e2105482118. doi: 10.1073/pnas.2105482118
- Bernstein AS, Ando AW, Loch-Temzelides T, et The costs and benefits of primary prevention of zoonotic pandemics. Sci Adv. 2022;8(5):eabl4183. doi: 10.1126/sciadv.abl4183
- Carlson CJ, Albery GF, Phelan Preparing international cooperation on pandemic prevention for the Anthropocene. BMJ Glob Health. 2021;6(3):e004254. doi:10.1136/bmjgh-2020-004254
- Carlson CJ, Albery GF, Merow C, et Climate change increases cross-species viral transmission risk. Nature. 2022;607(7919):555-562. doi:10.1038/s41586-022-04788-w
- Gostin LO, Halabi SF, Klock An international agreement on pandemic prevention and preparedness. JAMA. 2021;326(13):1257-1258. doi:10.1001/jama.2021.16104