pic-02

งานของเรา

เอชไอวีและระบบประสาท

ภาพรวม

โครงการวิจัย RV 254 เป็นโครงการที่เสนอโอกาสในการค้นหาปฏิสัมพันธ์ระหว่างเชื้อ HIV-1 และระบบประสาทส่วนกลางในช่วงที่ติดเชื้อเอชไอวีระยะเฉียบพลัน การทำงานของเราได้รับคำแนะนำจากสมาคมรักษาระบบประสาทในเอชไอวีให้หาย ขาดนานาชาติ (the International NeuroHIV cure consortium) และดำเนินการร่วมกับนักวิชาการจากมหาวิทยาลัย Yale, USCF, สถาบันสุขภาพจิตมิสซูรี, มหาวิทยาลัยวิทยาศาสตร์สุขภาพโอเรกอน, โรงเรียนแพทย์ Weill Cornell และมหาวิทยาลัยของฮาวาย ซึ่งศึกษาลักษณะทางระบบประสาทของอาสาสมัครโดยการตรวจร่างกายทางระบบปร ะสาทที่จำเป็น การคัดกรองความผิดปกติทางอารมณ์ การประเมินความคิดและความจำ การตรวจน้ำไขสันหลังตามความยินยอม และการตรวจภาพสมองด้วยคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าตามความยินยอม จากการศึกษาของเราที่ผ่านมาพบว่าเชื้อ HIV-1 มีการรุกล้ำเข้าไปในระบบประสาทส่วนกลางภายในไม่กี่วันหลังจากได้รับเชื้อ ทำให้มีการตรวจพบเชื้อ HIV-1 การทำงานของภูมิคุ้มกันเต็มที่ และการอักเสบในน้ำไขสันหลัง นอกจากนี้ยังพบอาการผิดปกติทางระบบประสาท สมรรถภาพของระบบประสาทลดต่ำลง และพบอาการซึมเศร้าได้ในการติดเชื้อเอชไอวีในระยะเฉียบพลัน การศึกษาน้ำไขสันหลังล่าสุดของเราแสดงให้เห็นว่า มีการกระจายตัวของเชื้อ HIV-1 ที่แบ่งตัวเกิดขึ้นในช่วงแรกของการติดเชื้อเอชไอวีระยะเฉียบพลัน ทำให้มีไวรัสเข้าไปอยู่ในส่วนต่าง ๆ ของระบบประสาทส่วนกลาง นอกจากนั้น การศึกษาผลการตรวจภาพสมองด้วยคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้ายังแสดงให้เห็นการรุกล้ำขอ งเชื้อเอชไอวีเข้าสู่ระบบประสาทส่วนกลางในการติดเชื้อระยะเฉียบพลัน ทำให้ระยะแรกนี้เกิดจำกัดการแยกตัวของโครงสร้างขนาดเล็กของเนื้อสมองสีขาว และการเชื่อมต่อการทำงานในระยะพัก

อาสาสมัครเกือบทั้งหมดที่อยู่ในโครงการ RV 254 เริ่มยาต้านเอชไอวีภายในไม่กี่วันหลังจากได้รับการวินิจฉัยว่าติดเชื้อเอชไอวีในระยะ เฉียบพลัน จะได้รับการเสนอโอกาสให้เข้าร่วมติดตามการตรวจสอบระบบประสาทส่วนกลางซึ่งเ ป็นประโยชน์ในการรักษาการติดเชื้อเอชไอววี ณ เวลาที่ติดเชื้อเร็วที่สุด จากการศึกษาน้ำไขสันหลังที่ผ่านมาทำให้เห็นว่าค่าชี้วัดการอักเสบในน้ำไขสันหลังล ดลงอย่างมีนัยสำคัญที่สัปดาห์ที่ 24 หลังจากได้รับยาต้านเอชไอวี และมีแนวโน้มกลับสู่ค่าปกติในสัปดาห์ที่ 96 อาสาสมัครในโครงการ RV 254 ยังแสดงให้เห็นว่า ความถี่ของการหลบหนีของเชื้อเอชไอวีออกจากน้ำไขสันหลังลดต่ำลง หมายถึงการตรวจพบเชื้อเอชไอวีในน้ำไขสันหลังโดยที่ตรวจไม่พบเชื้อในเลือดแล้ว ต่ำลง เมื่อเทียบกับคนที่วินิจฉัยว่าติดเชื้อฯที่ผ่านระยะเฉียบพลันไปแล้ว และได้รับการรักษาเอชไอวีระหว่างการติดเชื้อเรื้อรัง โดยภาพรวมพบว่าการรักษาการติดเชื้อเอชไอวีระยะเฉียบพลันที่สุด นำไปสู่การกระตุ้นภูมิคุ้มกันในเซลล์ประสาทที่ลดลง และเป็นไปได้ว่าแหล่งรวมของเซลล์ที่มีเชื้อเอชไอวีที่ตื่นตัวหรือที่อาศัยอยู่ในระบบปร ะสาทส่วนกลางจะมีขนาดเล็กลง จากการสังเกตไม่พบภาวะแทรกซ้อนที่เกี่ยวข้องกับภูมิคุ้มกันบกพร่องในกลุ่มอาสาสมั ครที่ติดเชื้อระยะเฉียบพลัน เมื่อเทียบกับผู้ที่ได้รับการวินิจฉัยและรักษาระหว่างการติดเชื้อเรื้อรัง ทำให้โครงการ RV254 เป็นที่ต้องการที่จะศึกษาผลต่อระบบประสาทต่อการใช้ยาต้านเอชไอวีในระยะยาว มีรายงาน 2 อันเกี่ยวกับความปลอดภัยของยาต้านไวรัสที่ใช้ Dolutegravir เป็นพื้นฐาน ซึ่งได้รับการตีพิมพ์เมื่อเร็วๆ นี้จากประสบการณ์จากโครงการนี้

มีการเก็บข้อมูลทางระบบประสาทก่อนและหลังการหยุดพักการรักษาในการศึกษาเอช ไอวีให้หายขาดหลายอัน (SEARCH 022, 023, 024) เพื่อนำไปวิเคราะห์ ในอาสาสมัครโครงการ RV254 มีการหยุดพักการรักษาเป็นระยะสั้นๆ และติดตามอย่างใกล้ชิด โดยการวิเคราะห์แสดงให้เห็นว่าไม่มีผลข้างเคียงต่อระบบประสาทส่วนกลาง ยกเว้นการเปลี่ยนแปลงของสาร choline ในปมประสาทที่ตรวจพบจากการตรวจวิเคราะห์ทางคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า การศึกษาเหล่านี้ทำให้เราได้แหล่งอ้างอิงที่สำคัญสำหรับการออกแบบการศึกษาการรั กษาการติดเชื้อเอชไอวีในอนาคตในขณะนี้โครงการยังดำเนินต่อไป

เทคโนโลยีล่าสุดในงานวิจัยในอนาคต

เครื่องมือที่สามารถใช้ตรวจหาลำดับเบสในระดับเซลล์เดียวได้ถูกจัดตั้งขึ้นในกรุงเทพ ฯ เพื่อช่วยให้สามารถตรวจสอบหารายละเอียดเกี่ยวกับการรบกวนทางภูมิคุ้มกันในระบ บประสาทส่วนกลางซึ่งสัมพันธ์กับการศึกษาวิจัยการติดเชื้อเอชไอวีในระยะเฉียบพลั น และการรักษาเอชไอวีให้หายขาด รวมถึงการตรวจสอบหาการคงอยู่ของเชื้อเอชไอวีในระบบประสาทส่วนกลาง การศึกษาเรียนรู้ของเครื่องโดยอาศัยข้อมูลจากโครงการ RV254 และ RV304 จะช่วยสร้างความเข้าใจใหม่ ๆ เกี่ยวกับพยาธิกำเนิดของการติดเชื้อเอชไอวีระยะเฉียบพลัน การรักษาภาวะแทรกซ้อนที่เกิดขึ้นในระบบประสาทส่วนกลางและระบบอื่น ๆ ของร่างกาย สุดท้ายนี้ การเปลี่ยนแปลงวิธีการค้นหาข้อมูล และตัวแปลด้านสังคมวิทยาในการติดตามอาสาสมัคร ทำให้เกิดการสืบค้นใหม่เกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่าง HIV-1 และการใช้สารในสมองได้