บทความโดย อุดม ลิขิตวรรณวุฒิ
โคแว็กซ์ (COVAX ซึ่งย่อมาจาก COVID-19 Vaccines Global Access) ) เป็นโครงการความร่วมมือเกี่ยวกับวัคซีนที่นำโดยองค์การอนามัยโลกเพื่อส่งเสริมการพัฒนาวัคซีนโควิด-19 การจัดซื้อและจัดสรรวัคซีนโควิด-19 ให้แก่ประเทศต่างๆจำนวนเกือบ 200 ประเทศ เและเพื่อส่งเสริมการเข้าถึงวัคซีนโควิด-19 อย่างเท่าเทียมกันระหว่างประเทศร่ำรวยและประเทศยากจน
จาก Facebook ของเครือข่ายวัคซีนกาวี (GAVI – The Vaccine Alliance) เมื่อเดือนมกราคม 2564 โคแว็กซ์มีเป้าที่จะจัดสรรวัคซีนโควิด-19 ให้แก่ประเทศต่างๆทั่วโลกเป็นจำนวน 2 พันล้านโด๊สภายในสิ้นปีนี้ (2021) ซึ่งรวมถึง 1.3 ล้านโด๊สสำหรับประเทศยากจน 92 ประเทศ
ในปัจจุบัน (ธันวาคม 2564) โคแว็กซ์กำลังพยายามส่งวัคซีนโควิด-19 จำนวน 800 ล้านโด๊สให้แก่ประเทศต่างๆภายในสิ้นปีนี้ ซึ่งต่ำกว่าเป้าที่ตั้งไว้เป็นอย่างมาก และความเห็นส่วนใหญ่ในปัจจุบันการจัดส่งวัคซีน 800 ล้านโด๊สก็ถือว่าเป็นเรื่องยากมากสำหรับโคแว็กซ์
ข้อมูลเมื่อต้นเดือนธันวาคม 2564 จากจำนวนวัคซีนโควิด-19 ที่ใช้ฉีดให้แก่คนทั้งโลกไปแล้ว 73% ถูกใช้ฉีดให้แก่ประชาชนในประเทศร่ำรวยและรายได้ปานกลาง และเพียง 0.8% ถูกใช้ฉีดให้แก่ประชาชนของประเทศยากจน ยิ่งไปกว่านั้นแล้วประชาชนของประเทศร่ำรวยจำนวนไม่น้อยที่ได้รับฉีดวัคซีนกระตุ้นเข็มที่สามไปแล้ว[1]
ความคิดเกี่ยวกับโปรแกรมโคแว็กซ์เริ่มตั้งแต่ตอนต้นของการระบาดโควิด-19 โดยมีเป้าหมายที่สูงส่งเพื่อที่จะส่งเสริมการเข้าถึงวัคซีนโควิด-19 อย่างเป็นธรรมและเท่าเทียมกันให้แก่ทุกประเทศในโลก และสำหรับประเทศยากจนแล้วโคแว็กซ์จะจัดสรรวัคซีนโควิด-19 ให้ฟรี สำหรับประเทศร่ำรวยโคแว็กซ์จะเปรียบเสมือนการมีประกันภัยเพราะโคแว็กซ์จะซื้อวัคซีนโควิด-19 จากหลายบริษัทเพื่อรับประกันว่าถึงแม้ว่าวัคซีนบางชนิดอาจไม่ได้ผลแต่ต้องมีวัคซีนโควิด-19 บางชนิดที่ได้ผล (องค์การนำร่วมของโคแว็กซ์ได้แก่ กลุ่มพันธมิตรความร่วมมือด้านนวัตกรรมเพื่อรับมือโรคระบาดหรือเซปิ [Coalition for Epidemic Preparedness Innovations หรือ CEPI] องค์กรพันธมิตรเพื่อวัคซีนหรือกาวี [Vaccine Alliance หรือ Gavi] และองค์การอนามัยโลก โดยมีองค์การยูนิเซฟ [UNICEF] รับผิดชอบเกี่ยวกับการจัดหาวัคซีน การขนส่งวัคซีนและการบริหารจัดการ [logistics] และการเก็บรักษาวัคซีน)
แต่สิ่งที่เกิดใน 18 เดือนแรกไม่ราบรื่นหรือเป็นไปดังที่โคแว็กซ์สัญญาไว้กับประเทศต่างๆเพราะในขณะที่ประเทศร่ำรวยต่างๆเริ่มฉีดวัคซีนกระตุ้นเข็มที่สามให้แก่ประชาชนของตนแล้ว แต่ 98% ของประชาชนของประเทศยากจนทั้งหลายยังไม่ได้รับฉีดวัคซีนเลย ผู้เชี่ยวชาญคนหนึ่งกล่าวว่าวัคซีนโควิด-19 ที่โคแว็กซ์สามารถจัดสรรได้นั้นเท่ากับ 5% ของวัคซีนโควิด-19 ที่ถูกใช้ไปแล้วทั้งหมดของโลก และเป้าที่โคแว็กซ์กำหนดไว้ว่าจะจัดสรรวัคซีนโควิด-19 ได้จำนวน 2 พันล้านโด๊ส ภายในสิ้นปีนี้ไม่มีความเป็นไปได้ และกล่าวว่าโคแว็กซ์นั้นเป็นความปรารถนาที่ไร้เดียงสา (naively ambitious)[2]
จากการสืบสวนของนักข่าวจากสแตท (STAT) และสำนักข่าวเชิงสืบสวน (Bureau of Investigative Journalism) กล่าวว่า ในกลางปีนี้ตัวแทนหลายประเทศบอกกับผู้สื่อข่าวว่าโคแว็กซ์ไม่สามารถจัดส่งวัคซีนให้แก่หลายประเทศตามสัญญาที่ให้ไว้ ได้ และตัวแทนประเทศที่กำลังรอวัคซีนจากโคแว็กซ์อยู่ไม่สามารถติดต่อกับผู้แทนของโคแว็กซ์ได้ เอกอัครราชฑูตประจำองค์การสหประชาชาติของประเทศอุรุกวัย (Uruguay) รำพึงกับผู้สื่อข่าวว่าอุรุกวัยได้ซื้อวัคซีนจากโคแว็กซ์และเอกอัครราชฑูตไม่สามารถติดต่อกับเจ้าหน้าที่ของโคแว็กซ์ได้จนทำให้ทูตต้องรำพึงว่าอาจเป็นเพราะอุรุกวัยไม่มีเส้น แต่เอกอัครราชฑูตประจำองค์การสหประชาชาติของประเทศลิเบีย (Libya) ที่ไม่สามารถติดต่อเจ้าหน้าที่ของโคแว็กซ์ได้เช่นกันกล่าวว่าเป็นที่แน่นอนว่าโคแว็กซ์ไม่ยุติธรรมและไม่เท่าเทียมกัน
ปัญหาอื่นนอกจากไม่สามารถติดต่อเจ้าหน้าที่ของโคแว็กซ์ได้รวมถึงได้รับวัคซีนช้ากว่ากำหนดหรือได้รับโดยมีการบอกล่วงหน้าอย่างกระชั้นชิดซึ่งทำให้แผนการฉีดวัคซีนให้แก่ประชาชนปั่นป่วนไปหรือการได้รับฉีดวัคซีนเข็มที่สองต้องถูกเลื่อนออกไป หรือในบางกรณีวัคซีนที่ได้รับใกล้วันหมดอายุแล้วทำให้รัฐบาลที่ได้รับต้องส่งวัคซีนกลับหรือโยนวัคซีนทิ้งไปดังเช่นกรณีของประเทศไนจีเรียที่ต้องทิ้งวัคซีนโควิด-19 จำนวน 1 ล้านโด๊สไปเพราะวัคซีนที่ได้รับจวนจะหมดอายุแล้ว[3] ทำให้หลายประเทศที่ยังพอซื้อวัคซีนได้เองต้องรีบสั่งซื้อวัคซีนโดยตรงจากบริษัทต่างๆและต้องไปรออยู่ท้ายคิว
ปัญหาเรื่องวัคซีนมีไม่เพียงพอเป็นเรื่องที่รัฐบาลหลายประเทศคาดการณ์ไว้ก่อนแล้วแต่ไม่คิดว่าจะรุนแรงมากดังที่เกิดขึ้นจริง สาเหตุที่ทำให้วัคซีนโควิด-19 ขาดแคลนอย่างกระทันหันในช่วงกลางปีนี้ส่วนหนึ่งมาจากรัฐบาลอินเดียที่ห้ามไม่ให้บริษัทวัคซีนที่ผลิตวัคซีนโควิด-19 ส่งวัคซีนออกนอกประเทศ ทำให้สถาบันซีรั่มของอินเดีย (Serum Institute of India – SII) ที่เป็นผู้ผลิตวัคซีนโควิด-19 รายใหญ่ของโคแว็กซ์ไม่สามารถส่งวัคซีนได้ตามกำหนด และโคแว็กซ์ตระหนักถึงความเสี่ยงนี้อยู่ก่อนแล้ว ดังที่ระบุในรายงานลับของยูนิเซฟ (UNICEF) ของปี 2020 ที่กล่าวว่าโคแว็กซ์หวังพึ่งกับการผลิตวัคซีนโดยอินเดียมากเกินไป
โคแว็กซ์ถูกกล่าวหาไม่ให้ความสนใจต่อองค์การที่เป็นตัวแทนของประเทศยากจนเท่าที่ควรด้วยการกีดกันไม่ให้องค์การเหล่านี้มีส่วนร่วมในการเจรจาระดับสูงของโคแว็กซ์ซึ่งเป็นการปฏิเสธไม่ยอมให้ประชากรที่กำลังเดือดร้อนมากมีปากมีเสียงในเรื่องนี้
ในข่าวของ STAT เอ่ยถึงรายงานการประเมินผลของโคแว็กซ์โดยคณะกรรมการที่จัดตั้งโดยองค์การต่างๆที่เป็นผู้สนับสนุนโคแว็กซ์ที่กล่าวในรายงานฉบับร่างว่าโคแว็กซ์ไม่ได้ทำงานร่วมกับประเทศยากจนและประเทศรายได้ปานกลาง องค์กรภาคประชาสังคม และตัวแทนของชุมชนอย่างครอบคลุมและอย่างมีความหมายที่แท้จริง และโคแว็กซ์ไม่พยายามอย่างจริงจังต่อการขยายการผลิตวัคซีนด้วยวิธีการต่างๆ เช่น การถ่ายโอนเทคโนโลยี่ และเตือนว่าการสนับสนุนระบบสาธารณสุขของประเทศต่างๆเพื่อให้สามารถระดมฉีดวัคซีนที่จะมีเพิ่มมากขึ้นให้แก่ประชาชนของประเทศเป็นเรื่องจำเป็นมาก
ต่อคำติเตียนดังกล่าวโคแว็กซ์ตอบผู้สื่อข่าวของสำนักข่าวเชิงสืบสวนด้วยการโยนความผิดไปให้แก่บริษัทวัคซีนโดยตอบว่าบริษัทวัคซีนส่งวัคซีนให้ล่าช้าทำให้โคแว็กซ์ไม่สามารถเตือนให้แก่ประเทศต่างๆล่วงหน้าได้เกี่ยวกับวัคซีนที่มีอยู่ และโคแว็กซ์ยอมรับว่าถึงแม้ว่ากลไกต่างๆที่เกี่ยวข้องทำงานอย่างสุดความสามารถแล้วก็ตามแต่ปริมาณของวัคซีนที่จัดหาและส่งมอบให้แก่ประเทศต่างๆเป็นจำนวนที่ยอมรับไม่ได้
ส่วนแผนที่โคแว็กซ์จะเร่งจัดส่งวัคซีนจำนวนกว่าพันล้านโด๊สในช่วงเดือนท้ายๆของปีนี้ทำให้หลายประเทศมีความกังวลเป็นอย่างมากหากว่าโคแว็กซ์สามารถทำเช่นนั้นได้จริง เพราะจำนวนวัคซีนที่ทะลักเข้ามานั้นอาจท่วมท้นระบบสาธารณสุขของประเทศและนำไปสู่การสูญเสียของวัคซีนที่จำเป็นมากเพราะใช้ไม่ทัน
ผู้ที่ติดตามเกี่ยวกับเรื่องนี้บางคนคิดว่าโคแว็กซ์เกิดขึ้นมาเพื่อล้มเหลวตั้งแต่ต้นแล้ว สมาชิกของคณะกรรมการอิสระเกี่ยวกับเตรียมความพร้อมสำหรับโรคระบาดระดับโลกและการตอบสนองขององค์การอนามัยโลกกล่าวว่าโคแว็กซ์ประเมินปริมาณของวัคซีนโควิดที่โครงการจะหาได้และความรวดเร็วที่จะได้วัคซีนสูงกว่าความเป็นจริง และโคแว็กซ์บอกกับประเทศต่างๆตามการประเมินที่ห่างไกลจากความเป็นจริงเช่นนั้น และเวลาหนึ่งปีครึ่งที่ผ่านไปก็พิสูจน์เช่นนั้นจริง ประเทศต่างๆประสบกับการปะทุระบาดของโควิด-19 เป็นระลอกๆซำ้แล้วซำ้อีกแต่ประชาชนส่วนใหญ่ของประเทศก็ยังไม่ได้รับฉีดวัคซีน
ความคิดของผู้ริเริ่มโคแว็กซ์คือการมีโปรแกรมที่จะเชื่อมโยงองค์ประกอบต่างๆของการพัฒนาวัคซีนโควิด-19 เข้าด้วยกันตั้งแต่ต้นจนจบ ตั้งแต่การพัฒนาและการวิจัยวัคซีนไปจนถึงการจัดส่งวัคซีนให้แก่ประเทศต่างๆทั่วโลก การสนับสนุนการวิจัยวัคซีนโควิด-19 หลายๆโครงการพร้อมกันจะช่วยเพิ่มโอกาสที่โคแว็กซ์จะได้วัคซีนที่ใช้ได้ผลให้สูงขึ้น และการระดมทุนลงขันเพื่อซื้อวัคซีนในปริมาณมากจะทำให้โคแว็กซ์มีอำนาจในการต่อรองกับบริษัทวัคซีน
ประเทศที่ร่ำรวยและประเทศรายได้ปานกลางจะซื้อวัคซีนผ่านโคแว็กซ์ ส่วนประเทศยากจนจะได้รับวัคซีนฟรีที่เพียงพอสำหรับ 20% ของประชากร วัคซีนฟรีจะมาจากการบริจาคของประเทศร่ำรวยที่เข้าร่วมโคแว็กซ์ ดังนั้นโคแว็กซ์จะทำหน้าที่จัดสรรวัคซีนโควิด-19 อย่างเท่าเทียมกันทั่วทั้งโลกด้วยการส่งวัคซีนไปให้ทั้งแก่ประเทศรำ่รวยและประเทศยากจนพร้อมๆกัน
การที่จะเป็นเช่นนั้นได้โคแว็กซ์กล่าวว่าจะต้องมีความมุ่งมั่นทางการเมือง (political will) และการสนับสนุนด้านการเงินจากภาครัฐที่พอเพียง แต่โคแว็กซ์ขาดทั้งสองอย่าง
โคแว็กซ์หวังว่าประเทศร่ำรวยต่างๆจะให้ความร่วมมือและลงทุนร่วมกับโคแว็กซ์ แต่ในตอนต้นของการระบาดประเทศร่ำรวยต่างๆมีแรงจูงใจที่จะซื้อวัคซีนโดยตรงจากบริษัทต่างๆในปริมาณที่มากที่สุดเท่าที่จะทำได้เพื่อปกป้องประชาชนของตน ถึงแม้ว่าการลงทุนร่วมกับโคแว็กซ์จะช่วยลดความเสี่ยงในการเลือกและสั่งซื้อวัคซีนล่วงหน้าที่ผิดก็ตาม นอกจากนั้นแล้วการลงทุนเบื้องต้นที่เสนอโดยโคแว็กซ์จำนวน 2 พันล้านเหรียญที่จำเป็นสำหรับการพัฒนาและวิจัยวัคซีนและเพื่อรับประกันว่าโคแว็กซ์จะสามารถเข้าถึงวัคซีนได้หากว่าวัคซีนผ่านการวิจัยแล้วว่าได้ผลก็เป็นจำนวนที่มากในขณะนั้น
ในตอนต้นของโคแว็กซ์เริ่มมีเสียงบ่นจากผู้ที่ผลักดันเกี่ยวกับการเข้าถึงยาที่จำเป็นแล้ว เอลเอส โทเรลล่า (Els Torreele) ผู้อำนวยการสำหรับการเข้าถึงยาขององค์การแพทย์ไร้พรมแดน (Médecins Sans Frontières – MSF) ในตอนนั้นกล่าวว่าโคแว็กซ์ในตอนเริ่มต้นก็ดูเหมือนว่าเป็นความริเริ่มที่ถูกทำให้เจือจางไปและกลายเป็นเพียงกลไกสำหรับจัดสรรวัคซีนเท่านั้นเพราะโคแว็กซ์ไม่สามารถทำให้บริษัทรับปากอย่างเป็นมั่นเหมาะได้ว่าโคแว็กซ์จะสามารถเข้าถึงวัคซีนโควิดของบริษัทได้หากว่าวัคซีนได้ผลและไม่สามารถผลักดันให้บริษัทลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานสำหรับการผลิตวัคซีนอย่างเร่งด่วน และองค์การแพทย์ไร้พรมแดนเรียกร้องให้โคแว็กซ์ทำงานอย่างเปิดเผยเกี่ยวกับการทำสัญญาซื้อวัคซีนและราคาวัคซีน แต่โทเรลล่ากล่าวว่าข้อแนะนำดังกล่าวช้าเกินไปแล้ว และรถไฟได้ออกจากสถานีไปแล้ว
หลังจากที่โคแว็กซ์ประกาศตัวอย่างเป็นทางการในเดือนเมษายน 2563 โคแว็กซ์มีโอกาสที่สั้นมากที่จะเชิญชวนให้ประเทศร่ำรวยต่างๆทำงานร่วมกับโคแว็กซ์ก่อนที่ประเทศเหล่านั้นจะรีบสั่งซื้อวัคซีนกักตุนไว้สำหรับประเทศของตัวเอง ผู้มีส่วนเกี่ยวข้องกับการบริหารของโคแว็กซ์กล่าวกับผู้สื่อข่าวทั้งสองว่าโคแว็กซ์พลาดโอกาสที่จะทำงานร่วมกับหลายประเทศในยุโรป หลายประเทศในยุโรปที่โคแว็กซ์ทาบทามให้ทำงานร่วมกันไม่ค่อยมั่นใจในแนวความคิดของโคแว็กซ์
ผู้แทนขององค์การแพทย์ไร้พรมแดนกล่าวว่าการประกาศเกี่ยวกับปฏิบัติการความเร็วสูง (Operation Warp Speed) ของรัฐบาลอเมริกาในสมัยนั้นในเดือนพฤษภาคม 2563 เป็นการส่งสัญญาณให้ทั้งโลกรู้ว่าอเมริกาไม่ต้องการเล่นด้วย
แต่โคแว็กซ์ตอบผู้สื่อข่าวว่าโคแว็กซ์เองไม่ได้คาดหว้งว่ารัฐบาลของประเทศต่างๆจะละเว้นการทำสัญญาสองต่อสองกับบริษัทวัคซีนต่างๆ แต่โคแว็กซ์คิดว่าการที่โคแว็กซ์จะช่วยลดความเสี่ยงต่อการพนันหรือเลือกวัคซีนที่ผิดอาจเป็นแรงจูงใจพอที่จะทำให้รัฐบาลต่างๆร่วมมือกับโคแว็กซ์ เพราะในขณะนั้นยังไม่มีวัคซีนโควิด-19 ใดใดที่พิสูจน์แล้วว่าได้ผล
โคแว็กซ์สามารถส่งวัคซีนโควิด-19 ให้แก่ประเทศรายได้ต่ำที่เข้าร่วมโครงการ (ประเทศกานา) ได้เป็นครั้งแรกในเดือนกุมภาพันธ์ 2564 หรือ 10 เดือนหลังการประกาศตัวของโคแว็กซ์ ซึ่งในประเทศสหราชอาณาจักรนั้นรัฐบาลได้ทำการฉีดวัคซีนให้แก่ประชาชนไปแล้ว 4 เดือน อย่างไรก็ตามในช่วง 6 อาทิตย์ถัดมาโคแว็กซ์ส่งวัคซีนอีก 38 ล้านโด๊สให้แก่ประเทศต่างๆทั่วโลก ซึ่งดูเหมือนว่าโคแว็กซ์เริ่มติดเครื่องแล้ว ถึงแม้ว่าโคแว็กซ์มีแผนที่จะซื้อวัคซีนจากหลายบริษัทแต่ที่จริงแล้ว 2 ใน 3 ของวัคซีนนั้นมาจากแหล่งเดียวคือสถาบันซีรั่มของอินเดียเนื่องจากผู้ริเริ่มโคแว็กซ์มีความสัมพันธ์ที่ยาวนานกับสถาบันซีรั่มและได้เซ็นสัญญาสั่งซื้อวัคซีน 1.1 พันล้านโด๊สกับสถาบันซีรั่มที่จะต้องจัดส่งภายในเดือนพฤษภาคม 2564 สำหรับจัดสรรให้แก่ประเทศยากจนต่อไป
แต่ในเดือนมีนาคม 2564 การแพร่ระบาดของโควิดในประเทศอินเดียเพิ่มขึ้นเป็นอย่างมากทำให้รัฐบาลอินเดียห้ามไม่ให้บริษัทวัคซีนส่งวัคซีนให้แก่ประเทศอื่น และโคแว็กซ์ประกาศว่าการจัดสรรวัคซีนจำนวน 90 ล้านโด๊สสำหรับเดือนมีนาคมและเมษายนจะล่าช้าไป
เหตุการณ์เช่นนี้โคแว็กซ์น่าจะคาดการณ์ได้ ผู้เชี่ยวชาญเกี่ยวกับการจัดการเพื่อสรรหาวัสดุของโครงการอาหารโลก (World Food Program) อดไม่ได้ที่จะต้องถามว่าโคแว็กซ์ไม่ได้ทำการวิเคราะห์ความเสี่ยง (risk analysis) เลยหรือ
ความล่าช้าในการส่งวัคซีนทำให้การฉีดวัคซีนโควิด-19 ของหลายประเทศวุ่นวายไปหมด ผู้ที่ได้รับฉีดวัคซีนเข็มแรกไปแล้วต้องรอวัคซีนเข็มที่สองออกไป เจ้าหน้าที่อาวุโสของกระทรวงสาธารณสุขประเทศกานาบอกกับผู้สื่อข่าวว่ามีคนโทรศัพท์มาที่กระทรวงทุกวันเพื่อถามเกี่ยวกับวัคซีน
การส่งวัคซีนล่าช้าทำให้แผนการฉีดวัคซีนและการรณรงค์ให้คนฉีดวัคซีนของประเทศไนจีเรีย นามิเบีย อาฟกานิสถาน รวนไปหมด นอกจากนั้นแล้วความล่าช้าของวัคซีนทำให้เกิดข่าวลือเกี่ยวกับวัคซีน เช่นวัคซีนที่จะได้รับต่อไปเป็นวัคซีนที่ไม่ดีหรือด่างพร้อย
ผู้อำนวยการด้านสุขภาพของประเทศนามิเบียกล่าวกับผู้สื่อข่าวว่าเมื่อคนเดินทางไกลมาเพื่อรับฉีดวัคซีนแต่พบว่าศูนย์ฉีดวัคซีนไม่มีวัคซีนนั้น พวกเขาจะไม่กลับมาอีก
การตัดสินใจของรัฐบาลไม่ให้บริษัทวัคซีนของประเทศส่งวัคซีนให้แก่ประเทศอื่นนั้นทำให้ความศรัทธา/ความไว้วางใจในโคแว็กซ์ได้รับผลกระทบไปด้วย เจ้าหน้าที่สาธารณสุขของปากีสถานกล่าวว่าการห้ามส่งวัคซีนทำให้เจ้าหน้าที่ของปากีสถานเกิดความกังวลว่ามันจะมีผลกระทบต่อแผนการฉีดวัคซีนของประเทศด้วย และเมื่อปากีสถานตระหนักถึงความล่าช้าในการส่งวัคซีนของโคแว็กซ์ ปากีสถานพยายามทำสัญญาซื้อวัคซีนโดยตรงกับบริษัทต่างๆและต้องไปรออยู่ท้ายแถวเพราะประเทศรำ่รวยต่างๆได้ทำสัญญาซื้อไปแล้ว
การที่โคแว็กซ์ไม่สามารถส่งวัคซีนได้ตามสัญญานั้นทำให้หลายประเทศมีปัญหาทางการเมืองด้วยเพราะรัฐบาลจะต้องหาเหตุผลมาอธิบายให้แก่ประชาชนว่าทำไมต้องจ่ายเงินซื้อวัคซีนล่วงหน้าให้แก่โคแว็กซ์แต่ไม่ได้รับวัคซีนตามสัญญา
เพื่อแก้ปัญหาการขาดแคลนวัคซีนโคแว็กซ์พยายามหาซื้อวัคซีนจากบริษัทอื่นแต่วัคซีนโดยบริษัทอื่นราคาแพงกว่าวัคซีนที่ซื้อจากสถาบันซีรั่มเป็นอย่างมาก จากเอกสายภายในของโคแว็กซ์ วัคซีนของบริษัทอื่นที่เสนอขายให้แก่โคแว็กซ์แพงกว่าราคาวัคซีนจากสถาบันซีรั่มตั้งแต่ 50-100% แต่ตัวแทนโคแว็กซ์อธิบายกับผู้สื่อข่าวว่าราคาวัคซีนไม่ใช้ปัจจัยเดียวที่ใช้ในการตัดสินใจเลือกวัคซีน ปัจจัยอื่นรวมถึงการอนุมัติวัคซีนด้วย และเสริมต่อว่าโคแว็กซ์ได้ซื้อวัคซีนจากบริษัทโคลเวอร์ (Clover) ประเทศจีนจำนวน 400 ล้านโด๊สที่จะได้มาก่อนสิ้นปีนี้
หกเดือนหลังจากที่รัฐบาลอินเดียห้ามไม่ให้ส่งวัคซีนออกนอกประเทศ รัฐบาลอินเดียประกาศว่าการส่งวัคซีนให้แก่ประเทศอื่นจะเริ่มได้อีกครั้งในเดือนตุลาคมแต่ความเสียหายได้เกิดไปแล้ว ผู้เชี่ยวชาญด้านโลจิสติกส์คนหนึ่งกล่าวว่าการที่โคแว็กซ์ตัดสินใจเอาไข่ทั้งหมดใส่ตะกร้าใบเดียวนั้นทำให้คนตายจริงๆ
ปัญหาการส่งมอบวัคซีนไม่ได้ซับซ้อนมากขึ้นเนื่องจากการสื่อสารที่ไม่ดี เจ้าหน้าที่รัฐบาลของหลายประเทศไม่ได้รับคำตอบที่เพียงพอจากโคแว็กซ์ว่าเมื่อไรวัคซีนจะมาถึง โคแว็กซ์มีผู้ประสานงานสำหรับสื่อสารกับเจ้าหน้าที่ของประเทศต่างๆ แต่เจ้าหน้าที่บางคนบอกว่าการได้รับข้อมูลที่ชัดเจนเป็นเรื่องยากมาก เจ้าหน้าที่รัฐบาลจากลาตินอเมริกาเล่าให้ผู้สื่อข่าวฟังว่าโคแว็กซ์เพียงแต่บอกว่ามีปัญหากับผู้ผลิตแต่ไม่ได้ระบุรายละเอียด ซึ่งผู้ให้ข้อมูลเน้นว่าพวกเขาถามอยู่เสมอว่าเมื่อไรจะได้รับวัคซีนแต่โคแว็กซ์ไม่ได้ให้คำตอบที่แน่นอน
การสื่อสารเช่นนี้ทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างตัวแทนของรัฐบาลลิเบียกับโคแว็กซ์เปลี่ยนแปลงไปในทางที่ไม่ดี เอกอัครราชฑูตประจำองค์การสหประชาชาติของประเทศลิเบียขอพบกับผู้บริหารของโคแว็กซ์แต่ไม่ได้รับคำตอบใดใดทั้งสิ้น (แต่โคแว็กซ์ตอบผู้สื่อข่าวว่าไม่เคยได้รับการร้องขอดังกล่าวและจะติดตามเรื่องกับผู้แทนของโคแว็กซ์ประจำประเทศลิเบียเกี่ยวกับเรื่องนี้)
เจ้าหน้าที่รัฐบาลของหลายประเทศสงสัยว่าผู้ประสานงานของโคแว็กซ์จงใจปิดบังข้อมูลหรือไม่ หรือว่าผู้ประสานงานของโคแว็กซ์เองก็ไม่รู้เช่นกัน และตัวแทนของประเทศหนึ่งในยุโรปอธิบายว่าบางคร้ังเธอได้รับข้อมูลที่ขัดแย้งกันจากเจ้าหน้าที่หลายคนของโคแว็กซ์
เมื่อเจ้าหน้าที่ของปากีสถานพยายามหาคำตอบจากโคแว็กซ์บางคร้ังโคแว็กซ์ก็ไม่รับโทรศัพท์เลย และเมื่อเขาสามารถติดต่อกับผู้บริหารของโคแว็กซ์ได้ เขารู้สึกถึงความรู้สึกหมดหวังจากผู้บริหารของโคแว็กซ์ และคำตอบที่ได้ยินซ้ำแล้วซ้ำอีกจากโคแว็กซ์คือโคแว็กซ์ตระหนักถึงความยากลำบากของประเทศอยู่และโคแว็กซ์กำลังพยายามอย่างสุดความสามารถอยู่แล้ว
ผู้อำนวยการของศูนย์ชีวเวชศาสตร์ของประเทศรวันดา (Rwanda) เล่าว่าโคแว็กซ์แจ้งให้ประเทศรู้ล่วงหน้าเพียงไม่กี่วันก่อนที่วัคซีนจะมาถึง และเสริมว่าเจ้าหน้าที่ของประเทศต้องวิ่งไปที่สนามบินในตอนเช้าเพื่อไปรับวัคซีน
เมื่อวัคซีนไปถึงประเทศแล้ว บางครั้งวัคซีนที่ส่งไปใกล้จะหมดอายุการใช้งานอยู่แล้วและสำหรับประเทศที่ระบบสาธารณสุขไม่เข้มแข็งนั้นเรื่องนี้เป็นสิ่งที่ท้าทายมาก ประเทศติมอร์-เลสเต (Timor-Leste) ต้องทำลายวัคซีนที่ได้เพิ่งได้รับมาเพราะวัคซีนหมดอายุการใช้งานหรือเสียเพราะไม่มีตู้แช่แข็งสำหรับเก็บวัคซีน
สาธารณรัฐประชาธิปไตยคองโก (Democratic Republic of Congo) ต้องส่งวัคซีนมากกว่า 1 ล้านโด๊สคืนโคแว็กซ์ไปเพราะไม่สามารถใช้ได้ทันก่อนที่วัคซีนจะหมดอายุ และประเทศซูแดนก็ต้องส่งวัคซีนคืนให้แก่โคแว็กซ์เช่นกัน และโคแว็กซ์ตอบว่าวัคซีนที่ถูกส่งคืนนั้นถูกนำไปใช้ต่ออย่างประสบความสำเร็จในประเทศต่างๆในอาฟริกา
ผู้อำนวยการของเครือข่ายวัคซีนหรือกาวี (GAVI) ที่เป็นองค์การสำคัญของโคแว็กซ์กล่าวว่าการที่ไม่สามารถบอกกับประเทศที่กำลังรอวัคซีนจากโคแว็กซ์อยู่ถึงการคาดคะเนระยะยาวเป็นเรื่องที่อึดอัดมากและยืนยันกับผู้สื่อข่าวว่าโคแว็กซ์มีการสื่อสารกับประเทศต่างๆอย่างต่อเนื่องที่รวมถึงการเปลี่ยนแปลงที่เกี่ยวกับปริมาณของวัคซีนที่ส่ง ตารางเวลา และช่วงเวลา แต่เจ้าหน้าที่สาธารณสุขของประเทศหนึ่งในลาตินอเมริกากล่าวว่ารัฐบาลของเขาได้เขียนจดหมายถึงผู้อำนวยการของกาวีเรียกร้องให้อธิบายถึงสาเหตุที่ไม่มีการส่งมอบวัคซีนให้แก่ประเทศนั้นและเวลาผ่านไปหลายเดือนแล้วแต่ก็ไม่มีคำตอบแต่อย่างใด
ส่วนเจ้าหน้าที่สาธารณสุของประเทศซูดานเล่าว่าโคแว็กซ์ส่งแต่วัคซีนมาให้แต่ไม่ส่งเข็มและอุปกรณ์อื่นๆสำหรับการฉีดวัคซีนมาด้วย ทำให้ซูดานต้องใช้เข็มและอุปกรณ์การฉีดวัคซีนอื่นๆจากโครงการฉีดวัคซีนโปลิโอให้แก่เด็กที่รัฐบาลเก็บสำรองไว้มาใช้ไปก่อน
เหตุการณ์ในอินเดียและการขาดแคลนวัคซีนที่ทำให้แผนของโคแว็กซ์รวนเรไป ในเดือนพฤษภาคม 2564 โคแว็กซ์เปลี่ยนยุทธวิธีใหม่เพราะโคแว็กซ์รู้ว่าประเทศร่ำรวยต่างๆกักตุนวัคซีนไว้มากเกินกว่าที่จะใช้ได้หมดถึงแม้ว่าจะรวมถึงวัคซีนกระตุ้นแล้วด้วยก็ตาม ซึ่งจากการคำนวณของโคแว็กซ์ประเทศร่ำรวยจะมีวัคซีนเกินใช้ประมาณ 1 พันล้านถึง 5 พันล้านโด๊ส โคแว็กซ์จึงเรียกร้องให้ประเทศร่ำรวยต่างๆโดยเฉพาะสหรัฐอเมริกาที่มีวัคซีนเก็บสำรองไว้มากเกินใช้ให้บริจาควัคซีนให้แก่ประเทศยากจน
แต่การตอบสนองของประเทศร่ำรวยต่างๆช้ามากและประเทศเหล่านั้นยังคงทำสัญญาซื้อวัคซีนโดยตรงกับบริษัทวัคซีนอยู่ สหรัฐอเมริการับปากว่าจะบริจาควัคซีนจำนวน 200 ล้านโด๊สภายในสิ้นปี 2564 แต่ก็ไม่สามารถทำได้ตามนั้น และในเดือนกันยายนประธานาธิบดีไบเดนประกาศว่าสหรัฐอเมริกาจะบริจาควัคซีนอีก 500 ล้านโด๊สให้แก่ประเทศยากจนภายในปี 2565
รวมทั้งหมดแล้วประเทศร่ำรวยรับปากว่าจะบริจาควัคซีน 785 ล้านโด๊สให้แก่โคแว็กซ์ แต่เมื่อวันที่ 24 กันยายน โคแว็กซ์ได้รับวัคซีนที่บริจาคโดยประเทศที่รับปากเพียง 18% ของทั้งหมดเท่านั้น
ประเทศร่ำรวยที่รับปากว่าจะบริจาควัคซีนก็ยังเป็นผู้รับบริจาคด้วยในเวลาเดียวกัน ประเทศแคนาดา และสหราชอาณาจักร และประเทศร่ำรวยบางประเทศต่างได้รับวัคซีนจากโคแว็กซ์ในปี 2021 เฉพาะเดือนมิถุนายนเพียงเดือนเดียวโคแว็กซ์ส่งวัคซีนให้แก่สหราชอาณาจักร 530,000 โด๊ส ในขณะที่ทวีปอาฟริกาทั้งทวีบได้รับวัคซีนจากโคแว็กซ์มากกว่านั้นเพียง 4 เท่าภายในช่วงเวลาเดียวกัน
วัคซีนที่จัดการโดยโคแว็กซ์มีทั้งที่ส่งโดยตรงจากโคแว็กซ์และวัคซีนที่ประเทศร่ำรวยบริจาคผ่านโคแว็กซ์เพื่อส่งต่อให้แก่ประเทศอื่น การบริจาคจากประเทศแคนาดาและสหราชอาณาจักรที่บริจาคผ่านโคแว็กซ์เมื่อเร็วๆนี้ไปถึงประเทศที่ได้รับบริจาคในอาฟริกาก่อนหน้าที่วัคซีนจะหมดอายุเพียงไม่กี่อาทิตย์
เอกสารภายในแสดงว่าโคแว็กซ์มีความกังวลเกี่ยวกับค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมที่เกี่ยวกับการบริจาควัคซีนเพราะประเทศที่บริจาควัคซีนบางประเทศไม่รวมค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้องอื่นๆด้วย เช่น ค่าบรรทุกสินค้าและค่าขนส่ง ทำให้โคแว็กซ์ต้องแบกภาระค่าใช้จ่ายเหล่านั้นแทน โคแว็กซ์กำลังเจรจาต่อรองกับประเทศผู้บริจาคให้รวมค่าใช้จ่ายที่รองรับการบริจาควัคซีนด้วย และโคแว็กซ์ทำงานร่วมกับประเทศผู้บริจาคเพื่อให้สามารถกำหนดเวลาที่จะบริจาคได้อย่างแน่นอนมากขึ้น
แต่ในที่สุดแล้วการบริจาควัคซีนไม่สามารถแก้ปัญหาการมีวัคซีนไม่พอของโคแว็กซ์ได้ ในต้นเดือนตุลาคม โคแว็กซ์ส่งวัคซีนได้เพียง 300 ล้านโด๊สจาก 2 พันล้านที่ตั้งเป้า และจากจำนวนวัคซีนที่ส่งไปแล้วนั้นเพียง 40% เป็นวัคซีนที่ได้รับบริจาคมา ผู้บริหารของโคแว็กซ์เองเชื่อว่าในภาวะวิกฤตเกี่ยวกับสุขภาพเช่นนี้การพึ่งการบริจาคไม่ใช้ทางออก และสิ่งสำคัญคือการทำสัญญาอย่างแน่นอนกับบริษัทวัคซีนและทำให้บริษัทส่งมอบวัคซีนให้ตามจำนวนและเวลาท่ีตกลงกันไว้จริงๆ
พญ. โจแอน ลู (Dr. Joanne Liu) อดีตประธานขององค์การแพทย์ไร้พรมแดนนานาชาติกล่าวว่าสิ่งสำคัญคือโคแว็กซ์ต้องเปลี่ยนวิธีคิดใหม่ เพราะโคแว็กซ์ไม่รวมประเทศยากจนและประเทศรายได้ปานกลางในการเจรจาตกลงกับบริษัทวัคซีนด้วย แนวทางการทำงานของโคแว็กซ์เป็นผลของระบบสุขภาพของโลกที่นำโดยกลุ่มประเทศตะวันตก (หรือประเทศที่พัฒนาแล้ว) ทำให้โคแว็กซ์ไม่มีเวลาฟังหรือไม่สนใจที่จะฟังความคิดเห็นของประเทศยากจนและบอกให้ประเทศยากจนให้สำนึกบุญคุณในสิ่งที่ได้รับจากโคแว็กซ์ ซึ่งแนวความคิดเช่นนี้จะต้องเปลี่ยน
องค์การแพทย์ไร้พรมแดนกล่าวว่าโคแว็กซ์ไม่ปรึกษาประเทศยากจนและองค์กรภาคประชาสังคมอย่างพอเพียงในกระบวนการออกแบบ และโคแว็กซ์เปิดโอกาสให้ตัวแทนขององค์กรภาคประชาสังคมเข้าร่วมเป็นสมาชิกคณะทำงานของโคแว็กซ์ช้าที่สุดสำหรับกลไกความร่วมมือเพื่อแก้ไขปัญหาโควิด-19 (หรือ ACT-A) ขององค์การอนามัยโลก ซึ่งจะต้องมีการรณรงค์เพื่อสร้างแรงกดดันมากมายกว่าที่โคแว็กซ์จะยอมรับตัวแทนขององค์กรภาคประชาสังคมให้เข้าร่วมคณะทำงาน และถึงกระนั้นก็ตามดูเหมือนว่าโคแว็กซ์พยายามจะแทรกแซงกระบวนการเสนอตัวแทนด้วย
ถึงแม้ว่าจะมีตัวแทนขององค์กรภาคประชาสังคมแล้วก็ตามสถานการณ์ก็ไม่ดีขึ้นเพราะโคแว็กซ์ไม่อยากรับฟังความคิดเห็นของพวกเขา รูโดมา โบยโน เดอ ฟาเรีย (Rudelmar Bueno de Faria) ที่เข้าร่วมคณะทำงานในฐานะตัวแทนคนหนึ่งขององค์กรภาคประชาสังคม (จากตัวแทนขององค์กรภาคประชาสังคมทั้งหมด 2 คน) เมื่อเดือนเมษายนกล่าวว่าในการประชุมครั้งแรกนั้น เขาแปลกใจมากเพราะเขาไม่สามารถใช้แชท (chat) ในการประชุมทางซูม (zoom) ได้ และตัวแทนขององค์กรภาคประชาสังคมอีกคนก็ยืนยันเช่นนั้นและเสริมว่าเขาไม่สามารถเปิดไมโครโฟน (หรือ unmute) ได้ด้วยตัวเองเพื่อที่จะให้ความเห็นต่อการประชุมทางอินเตอร์เนท
เนื่องจากว่าพวกเขาไม่สามารถพูดได้ในการประชุมทางอินเตอร์เนท โบยโน เดอ ฟาเรีย จึงต้องส่งความคิดเห็นของเขาให้แก่คณะทำงานก่อนการประชุมแต่ก็ไม่มีการตอบรับแต่อย่างใด ส่วนผู้แทนคนอื่นคิดว่าการตัดสินใจเกิดขึ้นก่อนหน้าการประชุมแล้ว (pre-cooked) ตัวแทนองค์กรภาคประชาสังคมต่างบอกว่าโคแว็กซ์ส่งเอกสารต่างๆที่เกี่ยวกับการประชุมให้แก่ผู้เข้าร่วมประชุมเพียง 24 ชั่วโมงก่อนการประชุมซึ่งเท่ากับเป็นการตัดโอกาสทำให้ผู้แทนขององค์กรภาคประชาสังคมไม่สามารถปรึกษาหารือกับสมาชิกอื่นๆและให้ความเห็นได้อย่างแท้จริง และเอกสารที่ส่งไปล่วงหน้าอย่างกระชั้นชิดนั้นมีมากมาย ไมล์ พอดมอร์ (Mike Podmore) ประธานขององค์กรภาคประชาสังคมกล่าวว่าหากตัวแทนองค์กรภาคประชาสังคมสามารถดูสไลด์ได้ทั้งหมดก็ถือได้ว่าโชคดีจริงๆ
ปัญหานี้ไม่ใช่ประเด็นเกี่ยวกับภาพพจน์ของโคแว็กซ์เท่านั้น การที่โคแว็กซ์ไม่มีเสียงของชุมชนทำให้โคแว็กซ์มีจุดบอดไม่สามารถรู้ได้ว่าสภาพปัญหาที่แท้จริงในชุมชนคืออะไรรวมถึงความรุนแรงของสถานการณ์ซึ่งจะทำให้การจัดลำดับความสำคัญบิดเบือนไปหมด
โบยโน เดอ ฟาเรีย เสริมว่าทักษะเฉพาะของเขาคือการแก้ไขปัญหาเกี่ยวกับความลังเลต่อการได้รับฉีดวัคซีน ซึ่งเป็นประเด็นที่สำคัญมากประเด็นหนึ่งของโคแว็กซ์ แต่โคแว็กซ์ไม่ได้ใช้ความชำนาญของเขาอย่างเต็มที่ทำให้เขาคิดที่จะลาออกจากการเป็นตัวแทนขององค์กรภาคประชาสังคมในโคแว็กซ์ เพราะเขาไม่ต้องการเป็นเพียงผู้ชมเท่านั้น
โคแว็กซ์กล่าวกับผู้สื่อข่าวว่าโคแว็กซ์ให้ความสำคัญมากต่อความคิดเห็นขององค์กรภาคประชาสังคมและได้โทรศัพท์ปรึกษากับองค์กรต่างๆมากกว่า 100 องค์กรและได้ข้อคิดเห็นที่ดีๆมากมายจากองค์กรต่างๆ และโคแว็กซ์กล่าวว่าไม่เคยได้ยินปัญหาเกี่ยวกับการถูกปิดไมโครโฟนเลย
อีกประเด็นหนึ่งที่โคแว็กซ์ยังถูกเพ่งเล็งคือการมีความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดกับมูลนิธิบิลและเมลินดาเกตส์ (Bill & Melinda Gates Foundation) ผู้บริหารระดับสูงสองคนของโคแว็กซ์ได้รับการสนับสนุนจากมูลนิธิฯ และความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดกับมูลนิธิฯ ทำให้คนจำนวนหนึ่งเกรงว่าโคแว็กซ์จะมีแนวโน้มที่จะประนีประนอมเกินไปเกี่ยวกับการจัดสรรวัคซีนโดยเฉพาะอย่างยิ่งในประเด็นที่เกี่ยวกับกฏหมายที่เกี่ยวกับทรัพย์สินทางปัญญา (intellectual property – IP)
แนวทางการทำงานของโคแว็กซ์ที่เกรงใจหรือขี้ขลาดเกี่ยวกับประเด็นเช่น การแชร์เทคโนโลยี่เกี่ยวกับวัคซีนและความรู้เชิงปฏิบัติการในการผลิตวัคซีนกับบริษัทของประเทศยากจนเป็นประเด็นที่ทำให้นักรณรงค์จำนวนมากโกรธเคืองมาก เพราะนักรณรงค์เชื่อว่าการยกเลิกสิทธิเกี่ยวกับทรัพย์สินทางปัญญาจะเพิ่มการผลิตวัคซีนได้เป็นอย่างมากและทำให้การส่งวัคซีนไปให้แก่ประเทศยากจนเร็วขึ้น แต่ประเทศร่ำรวยต่างๆปฏิเสธไม่ยอมแม้กระทั่งการยกเลิกกฏหมายเกี่ยวกับทรัพย์สินทางปัญญาเป็นการชั่วคราวเท่านั้น และองค์การหลักของโคแว็กซ์(เซปิและกาวี) ก็ไม่เคยสนับสนุนแนวความคิดนี้ต่อสาธารณชนเลย
การพยายามแก้ไขปัญหาการขาดแคลนวัคซีนในช่วงกลางปีด้วยการระดมส่งวัคซีนจำนวนมหาศาลให้แก่ประเทศยากจนภายในช่วงเวลาสั้นๆจะท่วมท้นระบบสาธารณสุขของประเทศยากจน ตัวแทนของประเทศหนึ่งในลาตินอเมริกากล่าวว่าประเทศเขาคาดว่าจะได้รับวัคซีนจากโคแว็กซ์มากกว่า 10 ล้านโด๊ส การที่จะต้องรีบฉีดวัคซีนที่ได้มาให้แก่ประชาชนก่อนสิ้นปีภายในช่วงการเฉลิมฉลองคริสต์มาสจะเป็นงานที่ยากมาก
ผู้บริหารของโคแว็กซ์บอกกับผู้สื่อข่าวว่ากำลังทำงานกับประเทศต่างๆอยู่ในการเตรียมความพร้อมต่อการได้รับวัคซีนเป็นจำนวนมากจากโคแว็กซ์ แต่งานของโคแว็กซ์ไม่เกี่ยวกับการรณรงค์ฉีดวัคซีน โคแว็กซ์มองว่าบทบาทของโคแว็กซ์คือการสร้างอำนาจให้แก่ประเทศต่างๆในการนำเอาวัคซีนไปใช้อย่างมีประสิทธิภาพ แต่ประเทศต่างๆต้องเป็นผู้ลงมือทำเอง
ในแถลงข่าวโคแว็กซ์กล่าวว่าการสูญเสียวัคซีนในระดับต่างๆจะต้องมีบ้างในโปรแกรมการฉีดวัคซีนโปรแกรมต่างๆทั่วโลก และคาดว่าการสูญเสียวัคซีนจะเพิ่มขึ้นเมื่อการส่งมอบวัคซีนเพิ่มมากขึ้น และโคแว็กซ์เรียกร้องให้ธนาคารเกี่ยวกับการลงทุนให้ปล่อยเงินสนับสนุนและรับรองกับประเทศต่างๆว่าจะหลีกเลี่ยงปัญหาเกี่ยวกับวัคซีนหมดอายุ
อย่างไรก็ตามความน่าเชื่อถือของโคแว็กซ์ด่างพร้อยไปแล้ว และในรายงานต่อบอร์ดของโคแว็กซ์คาดว่าในปี 2565 จะมีหลายประเทศที่ซื้อวัคซีนโควิดเองโดยไม่ผ่านโคแว็กซ์ และในเดือนกันยายนที่ผ่านมาองค์การอนามัยของภูมิภาคอเมริกา ทั้งหมด (หรือ Pan American Health Organization – PAHO) ที่เป็นส่วนหนึ่งขององค์การสหประชาชาติได้ประกาศว่าจะซื้อวัคซีนโควิดเอง ผู้อำนวยการขององค์การอนามัยของภูมิภาคอเมริกาทั้งหมดเน้นว่าการริเริ่มดังกล่าวไม่ใช่การทำงานแทนโคแว็กซ์แต่เป็นการเสริมให้กับโคแว็กซ์
อย่างไรก็ตามหลายประเทศในลาตินอเมริกาต้องตัดสินใจซื้อวัคซีนโดยตรงเองจากประเทศอื่นหรือจากบริษัทวัคซีนโดยตรงเพื่อทดแทนวัคซีนที่โคแว็กซ์ไม่สามารถส่งให้ได้ตามสัญญาซึ่งเท่ากับประเทศเหล่านั้นต้องจ่ายเงินค่าวัคซีนสองรอบ
เอกอัครราชฑูตประจำองค์การสหประชาชาติของประเทศอุรุกวัยกล่าวว่าเมื่อเราเซ็นสัญญาสำหรับวัคซีนจำนวนหนึ่งเราอยู่ภายใต้เงื่อนไขที่ต้องจ่าย แต่โคแว็กซ์ไม่ส่งวัคซีนให้ตามกำหนด โคแว็กซ์ไม่ได้ทำตามสัญญาที่มีกับเรา
การตัดสินใจขององค์การอนามัยของภูมิภาคอเมริกาทั้งหมดไม่ใช่เรื่องที่ไม่เคยเกิดมาก่อน ก่อนหน้านี้สหภาพอาฟริกา (African Union) ได้จัดตั้งคณะกรรมการเฉพาะกิจสำหรับสรรหาวัคซีนของอาฟริกา (Africa Vaccine Aquisition Task Team) สำหรับจัดหาวัคซีนโควิด-19 ในปริมาณที่พอสำหรับ 60% ของประชากรของทั้งทวีป และโคแว็กซ์กล่าวว่าจะพยายามทำทุกช่องทางที่จะส่งวัคซีนให้แก่อาฟริกา
ถึงแม้ว่าจากภายนอกจะดูเหมือนว่าหน่วยงานต่างๆในอาฟริกาจะเป็นมิตรกัน แต่จากภายในแล้วจะเป็นสงครามแย่งพื้นที่ระหว่างองค์การและหน่วยงานต่างๆในทวีปซึ่งจะเป็นผลเสียต่อความพยายามที่จะเข้าถึงวัคซีน ในระดับพื้นที่แล้วหน่วยงานต่างๆเหล่านี้ควรจะวางแผนและทำงานร่วมกัน แต่สิ่งเหล่านี้ไม่เกิดขึ้น
ณ ปัจจุบัน โคแว็กซ์ได้ส่งวัคซีนไปให้ประเทศต่างๆรวม 144 ประเทศ แต่บางประเทศได้รับวัคซีนจากโคแว็กซ์เพียงครึ่งหนึ่งของจำนวนที่ได้รับจัดสรรในตอนแรก
โคแว็กซ์รู้แน่ว่าจะโทษบริษัทผลิตวัคซีนสำหรับปัญหาการขาดแคลนวัคซีน ผู้บริหารของโคแว็กซ์บอกกับผู้สื่อข่าวว่าบริษัทวัคซีนไม่มีความโปร่งใสในการไม่บอกโคแว็กซ์ว่าโคแว็กซ์อยู่ในลำดับเท่าไรของคิวที่รอรับวัคซีนอยู่ ถึงแม้ว่าความล่าช้าของบริษัทในการส่งวัคซีนจะเป็นสาเหตุที่แท้จริง แต่ผู้บริหารของโคแว็กซ์ไม่แน่ใจว่าการขาดแคลนวัคซีนกระทบทุกประเทศอย่างเท่าเทียมกันหมดหรือเปล่า หรือว่าเมื่อถูกกดดันจากประเทศร่ำรวยมากขึ้นบริษัทวัคซีนอาจจงใจปล่อยให้โคแว็กซ์หลุดลงไปอยู่ท้ายแถวต่ำกว่าลำดับเดิมก็ได้
ถึงแม้ว่าบริษัทวัคซีนอาจจะมีปัญหาในการผลิตวัคซีนตามแผนก็ตาม แต่นักรณรงค์กล่าวว่าโคแว็กซ์ไม่สามารหลีกเลี่ยงความรับผิดชอบต่อปัญหานี้ได้ นักรณรงค์คนหนึ่งกล่าวว่าเขาไม่คิดว่าปัญหาเกิดจากบริษัทวัคซีนเพราะในอดีตที่ผ่านมาบริษัทวัคซีนส่งวัคซีนได้ตามสัญญาเสมอครั้งแล้วครั้งเล่าซึ่งทำให้การที่โคแว็กซ์ไม่สามารถส่งวัคซีนได้เป็นเรื่องที่พิเศษเป็นเฉพาะต่างไปจากที่เคยเป็นอยู่ และเขาเชื่อว่าความผิดพลาดต่างๆที่เกิดขึ้นอยู่ภายใต้การควบคุมของโคแว็กซ์เอง
เจ้าหน้าที่สาธารณสุขของหลายประเทศต่างกล่าวว่าโคแว็กซ์ควรเน้นเรื่องความโปร่งใสมากกว่าที่เป็นอยู่ เจ้าหน้าที่สาธารณสุขจากประเทศลาตินอเมริกากล่าวว่าพวกเขาไม่รู้ว่าสัญญาที่โคแว็กซ์ทำกับบริษัทต่างๆเป็นอย่างไร
เอกอัครราชฑูตประจำองค์การสหประชาชาติของประเทศลิเบียเสริมว่าโคแว็กซ์นำเสนอข้อมูลให้แก่ประเทศต่างๆเกี่ยวกับเวลาที่จัดส่งวัคซีนให้แต่โคแว็กซ์ไม่ได้ยืนยันว่าจะส่งได้แน่ และเสริมว่าแนวความคิดของโคแว็กซ์นั้นดูดีมากแต่การปฏิบัติจริงนั้นล้มเหลวไม่เป็นท่า และเขาไม่เข้าใจว่าโคแว็กซ์ตกลงทำสัญญาเหล่านั้นได้อย่างไรหากไม่มีการเอ่ยถึงการควบคุมวัคซีนที่ผลิตได้
เจ้าหน้าที่สาธารณสุขของหลายประเทศกล่าวว่าโคแว็กซ์ไม่พยายามผลักดันเกี่ยวกับการแชร์ทรัพย์สินทางปัญญาซึ่งเป็นเรื่องจำเป็นสำหรับการผลิตวัคซีนอย่างเพียงพอ เจ้าหน้าที่สาธารณสุขคนหนึ่งที่ทำงานโดยตรงกับโคแว็กซ์กล่าวว่าผู้แทนของหลายประเทศได้เน้นถึงความสำคัญของประเด็นนี้กับโคแว็กซ์ตั้งแต่ต้น ซึ่งโคแว็กซ์ตอบว่าเข้าใจดีเกี่ยวกับเรื่องนี้ แต่ความสนใจของโคแว็กซ์อยู่ที่การพัฒนาวัคซีนและการขออนุมัติวัคซีน
เอลเอส โทเรลล่า จากองค์การแพทย์ไร้พรมแดนกล่าวว่าการที่โคแว็กซ์ไม่ให้ความสนใจเรื่องการแชร์ทรัพย์สินทางปัญญาเกี่ยวกับการผลิตวัคซีนเป็นการสูญเสียโอกาสที่สำคัญไปเพราะแทนที่เราจะสามารถปฏิรูปวิธีการพัฒนาและแชร์ยาที่จะช่วยชีวิตคนอย่างเท่าเทียมกันได้ เรากลับไปทำสิ่งเดิมๆที่ทำกันมาอยู่เสมอ
ปัญหาการขาดแคลนวัคซีนอาจดีขึ้นบ้างสำหรับปีหน้า องค์การอนามัยโลกได้รวมวัคซีนโควิด-19 จากโนวาแว็กซ์ (Novavax) เข้าในรายการวัคซีนโควิด-19 สำหรับภาวะฉุกเฉิน ทำให้โคแว็กซ์มีวัคซีนให้เลือกมากขึ้น ผลการวิจัยระยะที่สามแสดงว่าวัคซีนของโนวาแว็กซ์ที่เป็นวัคซีนโปรตีนที่เสริมด้วยสารเสริมฤทธิ์มีประสิทธิผลในการป้องกันการป่วยโควิด-19 ที่มีอาการปานกลางถึงรุนแรงได้ถึง 100% และประสิทธิผลรวมในการป้องกันการป่วย 90.4% และกาวีองค์กรหลักของโคแว็กซ์ได้สั่งซื้อวัคซีนจากโนวาแว็กซ์จำนวน 1.1 พันล้านโด๊ส โนวาแว็กซ์ระบุว่าบริษัทจะสามารถผลิตวัคซีนได้ 2.2 พันล้านโด๊สสำหรับปี 2022[4]
และเมื่อวันที่ 20 ธันวาคม สหภาพยุโรปอนุมัติให้ใช้วัคซีนของโนวาแว็กซ์สำหรับคนที่มีอายุตั้งแต่ 18 ปีขึ้นไปใน 27 ประเทศที่เป็นสมาชิกของสหภาพยุโรปได้ และสหภาพยุโรปได้สั่งซื้อวัคซีนของโนวาแว็กซ์เป็นจำนวน 100 ล้านโด๊สไปแล้วและสามารถซื้อเพิ่มได้อีก 100 ล้านโด๊ส ข้อดีของวัคซีนโควิดของโนวาแว็กซ์คือสามารถเก็บไว้ในตู้เย็นได้ ทำให้เป็นวัคซีนที่เหมาะสำหรับใช้ในประเทศที่ขาดแคลนอุปกรณ์บางอย่าง[5]
แต่โนวาแว็กซ์ไม่เคยมีวัคซีนที่ได้รับอนุมัติใช้มาก่อนเลย ดังนั้นศักยภาพการผลิตวัคซีนจำนวนมหาศาลที่แท้จริงยังไม่เป็นที่รู้กัน และที่ผ่านมาโนวาแว็กซ์มีปัญหาเกี่ยวกับการผลิตทำให้วัคซีนของบริษัทยังไม่ได้รับอนุมัติจากองค์การอาหารและยาของสหรัฐอเมริกา และข้อควรคำนึงอีกประการคือโนวาแว็กซ์เป็นภาคีกับสถาบันซีรั่มของอินเดียในการผลิตวัคซีนซึ่งเป็นการกลับไปสู่เอาไข่ทั้งหมดใส่รวมกันไว้ในตะกร้าใบเดียวอีก
ข่าวที่น่ากังวลสำหรับโคแว็กซ์อีกข่าวคือไวรัสผันแปรโอมะครอน (Omicron variant) แพร่ระบาดได้เร็วมากและวัคซีนโควิด-19 ที่มีใช้กันอยู่แทบจะป้องกันการติดเชื้อไม่ได้ ข่าวจาก The New York Times กล่าวว่าวัคซีนโควิด-19 แทบทุกชนิดไม่สามารถป้องกันการติดเชื้อได้ แต่วัคซีนเอ็มอาร์เอ็นเอยังพอจะป้องกันการติดเชื้อได้ อย่างไรก็ตามวัคซีนโควิด-19 ที่มีใช้กันอยู่ยังสามารถป้องกันการป่วยปานกลางและรุนแรงได้ดีอยู่[6]
ไวรัสผันแปรโอมะครอนอาจทำให้วัคซีนโควิดหลายชนิดที่โคแว็กซ์ส่งไปให้ประเทศต่างๆไม่มีผลกระทบต่อการควบคุมการระบาดเท่าที่ควร และทำให้โคแว็กซ์อาจต้องกลับไปตั้งต้นใหม่อีกครั้งก็ได้ ซึ่งหากเป็นจริงแล้วคงมีหลายประเทศที่จะตัดสินใจเลิกฝากความหวังไว้กับโคแว็กซ์อีกต่อไป
___________________________
[1] จาก COVID World Vaccination Tracker เมื่อ 13 ธันวาคม 2564 ของ The New York Times https://www.nytimes.com/interactive/2021/world/covid-vaccinations-tracker.html
[2] จาก ‘Naively ambitious’- How COVAX failed on its promise to vaccinate the world โดย Olivia Goldhill (STAT) และ Rosa Furneax (The Bureau of Investigative Journalism เมื่อ 8 ตุลาคม 2564 ใน https://www.statnews.com/2021/10/08/how-covax-failed-on-its-promise-to-vaccinate-the-world/
[3] ไนจีเรียเป็นประเทศที่มีประชากรกว่า 200 ล้านคน และเพียง 4% ของประชากรได้รับฉีดวัคซีนโควิด-19 ครบแล้ว วัคซีนที่ได้รับมาจากยุโรปภายใต้โครงการโคแว็กซ์ และกำลังจะหมดอายุการใช้งาน 4-6 อาทิตย์ทำให้รัฐบาลไนจีเรียไม่สามารถใช้วัคซีนให้หมดได้ก่อนวันหมดอายุ จาก Exclusive: Up to 1 million COVID vaccines expired in Nigeria last month โดย Edward Mcallister และ Libby George กับ Stephanie Nebehay เมื่อ 8 ธันวาคม 2564 ใน https://www.reuters.com/business/healthcare-pharmaceuticals/exclusive-up-1-million-covid-vaccines-wasted-nigeria-last-month-2021-12-08/
[4] จาก Novavax’s COVID-19 vaccine scores WHO emergency listing, opening up supply to COVAX โดย Angus Liu เมื่อ 17 ธันวาคม 2564 ใน https://www.fiercepharma.com/pharma/novavax-covid-19-vaccine-s-who-emergency-listing-hand-opens-up-supply-to-covax
[5] จาก EU approves 5th COVID-19 vaccine for bloc, one by Novavax โดย Mike Corder เมื่อ 20 ธันวาคม 2564 ใน https://apnews.com/article/coronavirus-pandemic-business-health-europe-european-union-dda2620c28b996981d0dbf398a886fca
[6] จาก Most of the World’s Vaccines Likely Won’t Prevent Infection From Omicron โดย Stephanie Nolen เมื่อ 19 ธันวาคม 2564 ใน https://www.nytimes.com/2021/12/19/health/omicron-vaccines-efficacy.html