บทความโดยอุดม ลิขิตวรรณวุฒิ
ข้อมูลจากการวิจัยล่าสุดเกี่ยวกับความปลอดภัยของวัคซีนโควิด-19 ทำให้ศูนย์ควบคุมและป้องกันโรค (Centers for Disease Control and Prevention) ของสหรัฐอเมริกาออกคำแนะนำเมื่อวันที่ 11 สิงหาคม 2564 ให้หญิงตั้งครรภ์และ หญิงเลี้ยงลูกด้วยนมมารดาได้รับฉีดวัคซีนโควิด-19
คำแนะนำใหม่นี้เป็นครั้งแรกที่ศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคสนับสนุนอย่างชัดเจนและหนักแน่นต่อการฉีดวัคซีนโค วิด-19 ให้แก่ผู้หญิงในช่วงตั้งครรภ์ซึ่งต่างไปจากคำแนะนำในอดีตเกี่ยวกับเรื่องนี้ของศูนย์ฯ และทำให้คำแนะนำของ ศูนย์ฯสอดคล้องกับแนวทางของกลุ่มแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านกลุ่มต่างๆรวมถึงสมาคมเวชศาสตร์มารดาและทารกใน ครรภ์ (Society for Maternal Fetal Medicine) และ สมาคมสูตินารีแพทย์ของสหรัฐอเมริกา (American College of Obstertricians and Gynecologists) [1]
ในสหรัฐอเมริกายังมีคนจำนวนหนึ่งที่ลังเลไม่ต้องการฉีดวัคซีนโควิด-19 ทั้งๆที่หลักฐานที่แสดงว่าการติดเชื้อ ไวรัสโคโรนาทำให้หญิงตั้งครรภ์มีความเสี่ยงสูงกว่า (ผู้หญิงที่มีอายุเท่ากันแต่ไม่ตั้งครรภ์) ต่อการป่วยโควิด-19 ที่มีอาการ รุนแรงจนต้องเข้าโรงพยาบาล หรือป่วยอาการหนักที่ต้องได้รับการรักษาตัวในแผนกผู้ป่วยหนัก หรือต้องใช้เครื่องช่วย หายใจหรือเครื่องมือพิเศษสำหรับช่วยหายใจ หรือป่วยรุนแรงจนถึงกับเสียชีวิต และรวมถึงเพิ่มความเสี่ยงของการคลอด ก่อนกำหนด และศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคหวังว่าข้อมูลใหม่เกี่ยวกับความปลอดภัยของวัคซีนโควิด-19 ในหญิงตั้ง ครรภ์จะทำให้หญิงตั้งครรภ์ที่ยังลังเลใจอยู่เปลี่ยนใจได้
ข้อมูลการติดตามผู้ที่ได้รับฉีดวัคซีนโควิด-19 ในสหรัฐอเมริกาของศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคแสดงว่าเพียง 23% ของหญิงตั้งครรภ์ได้รับฉีดวัคซีนโควิด-19 ไปแล้วเพียงเข็มเดียว และในช่วงหลายอาทิตย์ที่ผ่านมามีแพทย์จำนวน มากรายงานว่ามีคนไข้ที่ตั้งครรภ์ที่ติดเชื้อมากขึ้น[2]
ศาสตราจารย์ แพทย์หญิง โรเชล วาเลนสกี้ (Prof. Rochelle Walensky) ผู้อำนวยการของศูนย์ควบคุมและ ป้องกันโรค กล่าวกับผู้สื่อข่าวของ The New York Times ว่าศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคแนะนำให้หญิงที่ตั้งครรภ์หรือ หญิงที่คิดที่จะตั้งครรภ์และหญิงที่กำลังเลี้ยงลูกด้วยนมมารดาให้รับฉีดวัคซีนโควิด-19 เพื่อป้องกันตนเอง โดยเน้นว่าวัคซีน โควิด-19 ปลอดภัยและมีประสิทธิผล และไม่เคยมีเวลาใดที่เร่งด่วนไปกว่าในขณะนี้แล้วที่จะต้องเพิ่มการรณรงค์ฉีดวัคซีน ให้แก่ผู้คน
เว็บไซต์ของศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคระบุว่าประโยชน์ของการฉีดวัคซีนโควิด-19 มีน้ำหนักมากกว่าความเสี่ยง ที่เป็นที่รู้กันและความเสี่ยงที่อาจเป็นไปได้ของการได้รับฉีดวัคซีนในขณะที่ตั้งครรภ์ และสรุปหลักฐานที่สำคัญดังต่อไปนี้
- การวิจัยวัคซีนในสัตว์โครงการต่างๆแสดงว่าวัคซีนมีความปลอดภัยการวิจัยวัคซีนโควิด-19 ในสัตว์ทดลองรวมถึง วัคซีนของบริษัทโมเดอร์นา วัคซีนของบริษัทไฟเซอร์/ไบโอเอ็นเทค และวัคซีนของบริษัทจอห์นสัน แอนด์ จอห์นสัน ไม่มี ปัญหาเกี่ยวกับความปลอดภัยทั้งในระยะก่อนการตั้งครรภ์และในระหว่างการตั้งครรภ์ของสัตว์ที่ถูกทดลองหรือลูกของ สัตว์ทดลองเหล่านั้น
- ไม่มีอาการข้างเคียงที่ไม่พึงประสงค์ที่เกี่ยวข้องกับการตั้งครรภ์จากการวิจัยทางคลินิกที่ใช้วัคซีนรูปแบบเดียวกันกับวัคซีนของจอห์นสัน แอนด์ จอห์นสัน วัคซีนรูปแบบนี้เป็นวัคซีนที่ใช้ไวรัสเป็นพาหะ (นำวัคซีนเข้าสู่เซลล์ของมนุษย์) ถูกใช้ ฉีดให้แก่คนที่ตั้งครรภ์ในทุกไตรมาสของการตั้งครรภ์รวมทั้งการวิจัยขนาดใหญ่เกี่ยวกับการฉีดวัคซีนอีโบลา ในการ วิจัยเหล่านี้ไม่พบอาการข้างเคียงที่ไม่พึงประสงค์ที่เกี่ยวกับการตั้งครรภ์รวมถึงอาการข้างเคียงที่มีผลต่อทารกที่เกิดจาก วัคซีน
- วัคซีนโควิด-19 ไม่สามารถทำให้คนที่ได้รับวัคซีนรวมถึงหญิงตั้งครรภ์และทารกของหญิงเหล่านั้นติดเชื้อไวรัสโคโรนา
ได้ ไม่มีวัคซีนโควิด-19 ชนิดใดที่ใช้ไวรัสที่ทำให้เกิดโรคโควิด-19 ที่ยังมีชีวิตอยู่ในวัคซีน ดังนั้นวัคซีนโควิด-19 ไม่ สามารถทำให้ผู้ใดป่วยด้วยโควิด-19 รวมถึงหญิงตั้งครรภ์และลูกของพวกเธอ
- ข้อมูลเบื้องต้นเกี่ยวกับการได้รับวัคซีนเอ็มอาร์เอ็นเอ(mRNA vaccines) ของโมเดอร์นาหรือของไฟเซอร์/ไบโอเอ็นเทค
เป็นที่น่ามั่นใจ:
- ศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคได้เผยแพร่ข้อมูลเกี่ยวกับความปลอดภัยในการได้รับฉีดวัคซีนโควิด-19 รูปแบบเอ็มอาร์เอ็นเอในขณะตั้งครรภ์ซึ่งเป็นรายงานแรกเกี่ยวกับเรื่องนี้ของสหรัฐอเมริกา รายงานดังกล่าวเป็นการวิเคราะห์ข้อมูล ของระบบติดตามเÅาระวังความปลอดภัยสามระบบที่รวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับการฉีดวัคซีนโควิด-19 ให้แก่คนที่ตั้ง ครรภ์ ข้อมูลในช่วงต้นของการรณรงค์ฉีดวัคซีนทั้งสามระบบนี้ไม่มีความกังวลเกี่ยวกับความปลอดภัยที่เกี่ยวกับหญิง ตั้งครรภ์ที่ได้รับฉีดวัคซีนหรือทารกของพวกเธอ
- รายงานอีกฉบับเป็นข้อมูลจากหญิงตั้งครรภ์ที่ลงทะเบียนในv-safe pregnancy registry ที่ได้รับฉีดวัคซีนก่อนอายุ
ครรภ์เกิน 20 อาทิตย์ นักวิทยาศาสตร์ที่เกี่ยวข้องไม่พบว่าคนที่ได้รับฉีดวัคซีนโควิด-19 เอ็มอาร์เอ็นเอในขณะที่ตั้ง ครรภ์มีความเสี่ยงสูงขึ้นต่อการแท้งบุตร
- ระบบทั้งสามยังคงติดตามรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับการตั้งครรภ์ต่อไปอยู่ศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคจะทำการติดตาม คนที่ได้รับฉีดวัคซีนในทุกไตรมาสของการตั้งครรภ์ต่อไปเพื่อทำความเข้าใจที่ดีขึ้นเกี่ยวกับผล (ของการฉีดวัคซีน) ต่อ การตั้งครรภ์และทารก
- ข้อมูลเบื้องต้นแสดงว่าการได้รับฉีดวัคซีนโควิด-19 เอ็มอาร์เอ็นเอในขณะตั้งครรภ์ลดความเสี่ยงต่อการติดเชื้อการวิจัย จากประเทศอิสราเอลเมื่อเร็วๆนี้เปรียบเทียบคนที่ตั้งครรภ์ที่ได้รับฉีดวัคซีนโควิด-19 เอ็มอาร์เอ็นเอกับคนตั้งครรภ์ที่ไม่ ได้รับฉีดวัคซีน นักวิทยาศาสตร์พบว่าวัคซีนโควิด-19 ลดความเสี่ยงของการติดเชื้อไวรัสที่ทำให้เกิดโควิด-19
- การฉีดวัคซีนให้แก่คนที่ตั้งครรภ์สร้างภูมิต้านทานที่อาจป้องกันทารกของพวกเขาเมื่อคนที่ตั้งครรภ์ได้รับฉีดวัคซีนโค วิด-19 เอ็มอาร์เอ็นเอในขณะที่ตั้งครรภ์ ร่างกายของพวกเขาจะสร้างภูมิต้านทานต่อโควิด-19 เหมือนกับคนที่ไม่ตั้ง ครรภ์ ภูมิต้านทานที่สร้างโดยคนที่ตั้งครรภ์หลังจากที่ได้รับฉีดวัคซีนโควิด-19 เอ็มอาร์เอ็นเอตรวจพบได้ในเลือดจาก สายสะดือ ซึ่งหมายความว่าการได้รับฉีดวัคซีนโควิด-19 ในขณะตั้งครรภ์อาจช่วยป้องกันทารกต่อโควิด-19 การที่จะ บอกได้ว่าภูมิต้านทานเหล่านี้ซึ่งเหมือนกับภูมิต้านทานที่เกิดจากวัคซีนอื่นอาจป้องกันทารกได้หรือไม่นั้นจำเป็นที่จะต้องมี ข้อมูลเพิ่มเติม
ในขณะนี้มีการวิจัยทางคลินิกหลายโครงการที่ศึกษาเกี่ยวกับความปลอดภัยของวัคซีนโควิด-19 และเพื่อประเมิน ประสิทธิผลของวัคซีนในคนที่ตั้งครรภ์ที่กำลังดำเนินการอยู่หรือที่มีแผนที่จะทำอยู่ นอกจากนั้นแล้วบริษัทผลิตวัคซีนบริษัท ต่างๆกำลังรวบรวมและวิเคราะห์ข้อมูลจากคนที่เข้าร่วมการวิจัยทางคลินิกจนจบแล้วที่ตั้งครรภ์หลังจากที่ได้รับฉีดวัคซีนไปแล้ว
ศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคแนะนำให้ทุกคนที่มีอายุตั้งแต่ 12 ปีขึ้นไปได้รับฉีดวัคซีนโควิด-19 และในข่าวจาก The New York Times เกี่ยวกับเรื่องนี้เสริมว่าศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคกล่าวว่าคำแนะนำใหม่นี้ใช้ได้กับทั้งผู้หญิงที่ตั้ง ครรภ์และคนที่ตั้งครรภ์ที่ไม่ระบุตนเองว่าเป็นหญิงด้วย แต่ข้อมูลการติดตามเÅาระวังเกี่ยวกับวัคซีนโควิด-19 และการตั้ง ครรภ์ที่ศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคใช้ในการวิเคราะห์นั้นมาจากข้อมูลของผู้เข้าร่วมการวิจัยที่ระบุตนเองว่าเป็นหญิง
นอกจากโอกาสที่หญิงตั้งครรภ์ที่ป่วยเป็นโควิด-19 จะมีอาการรุนแรงมากกว่าหญิงที่ไม่ตั้งครรภ์ดังที่กล่าวไปแล้ว การป่วยเป็นโควิด-19 เพิ่มความเสี่ยงของหญิงตั้งครรภ์ต่อภาวะแทรกซ้อนของการตั้งครรภ์ที่เป็นอันตรายมากอีกอย่างคือ ภาวะครรภ์เป็นพิษ (pre-eclampsia) ที่เป็นภาวะความดันโลหิตสูงที่จำเพาะกับการตั้งครรภ์ร่วมกับการตรวจพบโปรตีนในปัสสาวะหรือร่วมกับการมีภาวะผิดปกติในร่างกายของอวัยวะหลายระบบซึ่งหากมีอาการรุนแรงอาจทำให้ทั้งแม่และทารก เสียชีวิตได้
นอกจากนั้นแล้วหญิงตั้งครรภ์ที่ป่วยเป็นโควิด-19 มีความเสี่ยงต่อการคลอดก่อนกำหนดหรือการคลอดที่ทารก ตายในครรภ์ด้วย ซึ่งการป่วยโควิด-19 ที่อาการรุนแรงจะเพิ่มความเสี่ยงของอาการเหล่านี้ โควิด-19 ยังเพิ่มความเสี่ยง ของผู้ที่ตั้งครรภ์ต่อโรคเบาหวานขณะตั้งครรภ์ (gestational diabetes) และทารกมีน้ำหนักต่ำกว่าปกติด้วย และในบาง กรณีที่เกิดไม่บ่อยนักนั้นไวรัสอาจจะแพร่ไปสู่ทารกในท้องระหว่างการตั้งครรภ์ได้ด้วย
เนื่องจากวัคซีนโควิด–19 ถูกนำไปใช้กับสาธารณชนเมื่อเดือนธันวาคม 2563 ที่ผ่านมาทำให้ข้อมูลเกี่ยวกับการ คลอดบุตรยังมีจำกัดอยู่ แต่จากการติดตามดูความปลอดภัยของวัคซีนโควิด-19 ในหญิงตั้งครรภ์ที่ได้รับฉีดวัคซีนในขณะ ที่ตั้งครรภ์จนกระทั่งคลอดซึ่งมีจำนวนไม่มากนักนั้น ยังไม่เจอปัญหาที่เกี่ยวกับความปลอดภัยแต่อย่างใด
อย่างไรก็ตามผลของการวิจัยโครงการหนึ่งที่เผยแพร่ในวารสารวิชาชีพ The New England Journal of Medicine ฉบับเมษายนที่ผ่านมา ซึ่งรวมผู้หญิงจำนวน 827 คนที่คลอดบุตรหลังจากที่ได้รับฉีดวัคซีนโควิด-19 แล้ว อัตรา ของผลข้างเคียงที่ไม่พึงประสงค์และการคลอดบุตรที่ผิดปกตินั้นไม่แตกต่างจากอัตราก่อนการแพร่ระบาดของโควิด-19 และทีมวิจัยแนะนำว่าจะต้องมีการติดตามผลลัพธ์ในระยะเวลาที่ยาวออกไปอีก (หมายเหตุ 1)
พญ. ซาสช่า อาร์ เอลลิงตัน (Dr. Sascha R. Ellington) นักระบาดวิทยาจากแผนกอนามัยการเจริญพันธุ์ (division of reproductive health) ของศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคกล่าวกับผู้เขียนข่าวของ The New York Times ว่าในขณะนี้เมื่อ คำนึงถึงประโยชน์ต่างๆของการฉีดวัคซีนและความเสี่ยงที่รู้กันแล้วของโควิด-19 กับการตั้งครรภ์และอัตราการติดเชื้อในขณะนี้มีน้ำหนักมากกว่าความเสี่ยงทุกประการในทางทฤษฎีของวัคซีน
_______________________________________________________________________
[1] จาก C.D.C. Recommends Covid Vaccines During Pregnancy โดย Roni Caryn Rabin เมื่อ 11 สิงหาคม 2564 ใน https://www.nytimes.com/2021/08/11/health/covid-vaccine-pregnancy-cdc.html
[2] จาก COVID Data Tracker ใน https://covid.cdc.gov/covid-data-tracker/#vaccinations-pregnant-women